Hollister France

Hollister France

Hollister France

Hollister France

Hollister France

Hollister

Hollister

Hollister

Hollister

Hollister

Hollister

Hollister

Woolrich Outlet

Woolrich

hogan

hogan

hogan

Hogan Sito Ufficiale Hogan Scarpe Hogan Outlet Hogan Scarpe Hogan Hogan Scarpe Hogan Interactive Hogan Donna Scarpe 2013 Hogan Scarpe Outlet Hogan Vendita Hogan Hogan Scarpe 2013 Hogan Scarpe Hogan Scarpe Hogan Hogan Outlet Hogan Scarpe Outlet Hogan Scarpe Donna Hogan Scarpe Hogan Outlet Scarpe Hogan Hogan Sito Ufficiale Scarpe Hogan2013 Hogan Hogan Scarpe Donna Hogan Scarpe Donna Hogan Interactive Hogan 2013 Hogan Online Hogan Italia Hogan Scarpe
woolrich ASK Hollister Hollister abercrombie abercrombie abercrombie abercrombie woolrich parka Hollister Holliter France Hollister Hollister France Magasin Vetement Hollister Hollister Soldes Hollister Pas Cher Pas Cher Hollister Hollister Vente Hollister En ligne Hollister 2013 Hollister France Hollister France 2013 Hollister Hollister Hollister Magasin Hollister Vente Hollister Homme Hollister Pas Cher Hollister T Shirts Hollister Paris Boutique Hollister Vetements Boutique Hollister Pas Cher Pas Cher Hollister Hollister Hommes Hollister France Vente Hollister Hollister sortie 2013 Pas Cher Hollister Hollister Pas Cher
บทสัมภาษณ์ - อนันต์ แสงอรุณ
วันที่ 29 พฤษภาคม 2552 เวลา 13.40 น.
สถานที่ หมู่บ้านปิ่นเจริญ สอง เขตดอนเมือง กรุงเทพ
ผู้สัมภาษณ์ : โชติศักดิ์ อ่อนสูง
ตามโครงการของมูลนิธิ 14 ตุลา ในการรวบรวมปากคำของคนที่อยู่ในเหตุการณ์ เพื่อจัดทำเป็นฐานข้อมูลเพื่อการศึกษาต่อไป


ผู้สัมภาษณ์ : ก่อนอื่นพี่เกิด พ.ศ.อะไร
คุณอนันต์ :
2496 สิงหาคม

ผู้สัมภาษณ์ : 2496
คุณอนันต์ :
25 สิงหาคม2496

ผู้สัมภาษณ์ : พี่เกิดที่กรุงเทพหรือเปล่าครับหรือว่ายังไง
คุณอนันต์ :
อำเภอ บางประกง จังหวัดฉะเชิงเทรา ผมคนบ้านเดียวกับเสกสรรค์ ประเสริฐกุล

ผู้สัมภาษณ์ : บวร คือโรงเรียนพี่ (โรงเรียนบวรวิทยายน 3)
คุณอนันต์ :
เป็นโรงเรียนเก่าที่ อำเภอบางประกง เพราะว่าน้องเขาคนที่ชื่อว่าชาญชัยเนี่ย ชาญชัยประเสริฐกุล หรือชื่อเล่นชื่อปึ๋งเนี่ยเขาเป็นรุ่นน้องผมหนึ่งปีที่โรงเรียนบวรวิทยายน ๓

ผู้สัมภาษณ์ : ครับ ก็คือเกิดที่นั่นแล้วก็โตที่นั่น
คุณอนันต์ :
ใช่ๆ เกิดที่นั่น เรียนจบที่นั่น ผมจบที่โรงเรียนบวรวิทยายน 3 ผมจบปี พศ. 2513

ผู้สัมภาษณ์ : บวรนี่คือโรงเรียนประถม
คุณอนันต์ :
ไม่ประถม มัธยมม.1-3 เท่านั้น (ม.ศ.1-3)

ผู้สัมภาษณ์ : แล้วตอนนั้นตัวบ้านพี่ที่พักจริงๆเนี่ยที่อยู่ในเทศ ในตัวอำเภอหรือชนบทหรือยังไงครับ
คุณอนันต์ :
ตอนนั้นอยู่ในชนบทเป็นสุขาภิบาล ตำบลบางปะกงน่ะ

ผู้สัมภาษณ์ : ครับ
คุณอนันต์ :
ตอนนี้มันยกเป็นเทศบาลแล้ว

ผู้สัมภาษณ์ : อื่อเทศบาล
คุณอนันต์ :
อยู่บางประกง อยู่ใกล้กับปากอ่าวแม่น้ำบางประกงเลยอ่ะ

ผู้สัมภาษณ์ : อื่อ หมายถึงอยู่อยู่ในเทศบาล คือ ในตัวอำเภอ
คุณอนันต์ :
ไม่ใช่ในตัวอำเภอ ไม่มีตัวอำเภอมันเป็นสุขาภิบาลอ่ะ

ผู้สัมภาษณ์ : ครับ
คุณอนันต์ :
มันเป็นสุขาภิบาลอ่ะ มันย่อยมาอีกทีหนึ่ง

ผู้สัมภาษณ์ : ครับ
คุณอนันต์ :
ผมไม่รู้จะพูดยังไง มันเป็นสุขาภิบาลนะ ตอนนี้ยกเป็นเทศบาลแล้ว ตอนนี้มันเป็น อบต อบจ ไปแล้ว

ผู้สัมภาษณ์ : ครับ ครอบครัวเป็น?
คุณอนันต์ :
ครอบครัวคือ?

ผู้สัมภาษณ์ : หมายถึงพ่อแม่อ่ะ ทำอาชีพอะไร
คุณอนันต์ :
ไม่มี ก็ธรรมดา ก็รับจ้างทั่วๆ ไปนิ

ผู้สัมภาษณ์ : ครับ แต่อยู่ในเทศบาล อยู่ในสุขาภิบาล
คุณอนันต์ :
สุขาภิบาลเก่า แต่ตอนนี้เป็นเทศบาลแล้ว บางประกง

ผู้สัมภาษณ์ : พี่มีพี่น้องกี่คนครับ
คุณอนันต์ :
2 คน

ผู้สัมภาษณ์ : พี่เป็นคน?
คุณอนันต์ :
คนโต ส่วนน้องผมเรียนจบ ป.3 เองมั้ง ผู้หญิง ผมเป็นคนที่ครอบครัวยากจนนะ แต่ผมใฝ่เรียน

ผู้สัมภาษณ์ : ครับผม
คุณอนันต์ :
ใฝ่เรียน

ผู้สัมภาษณ์ : แล้วสภาพบ้านเมืองสมัยนั้น สมัยพี่เด็กๆ ที่พี่จำได้เป็นไงบ้างครับ?
คุณอนันต์ :
ทั่วๆ ไป เกี่ยวกับการเมืองอะไรเนี่ยหรอ?

ผู้สัมภาษณ์ : ครับก็ทั้งเรื่องการเอาเรื่องกายภาพก่อนล่ะกัน พวกถนนหนทางไปมา รถรา
คุณอนันต์ :
โห ถนนแย่มากๆ ก็เหมือนในชนบทอ่ะ เป็นถนนลูกรังแดง ฝุ่นแดง

ผู้สัมภาษณ์ : ในเทศบาล
คุณอนันต์ :
สุขาภิบาล

ผู้สัมภาษณ์ : เออครับ
คุณอนันต์ :
เอ่อ มันมันดูแล้วมันช่วงนี้ผม ตอนเด็กๆ ช่วงนี้ผมยังจุดตะเกียงอยู่เลยมั้งแล้วก็มาใช้ ตอนนั้นที่ผมดูหนังสือนะ

ผู้สัมภาษณ์ : ครับ
คุณอนันต์ :
ใช้เทียนอ่ะ

ผู้สัมภาษณ์ : อื่อ แล้วต่อมา
คุณอนันต์ :
แต่ยังใช้เทียนอยู่จนกระจบม.3 เพราะที่บ้านยากจนอ่ะ

ผู้สัมภาษณ์ : ครับ
คุณอนันต์ :
แล้วผมก็มาจบ ม.3 ตอน 13 อ่ะ พ.ศ.2513 นะ

ผู้สัมภาษณ์ : ครับ
คุณอนันต์ :
แล้วก็เข้ามากรุงเทพ

ผู้สัมภาษณ์ : อ่า เดี๋ยวก่อนอ่าอยู่ เดี๋ยวนะพี่ พี่อยู่ที่บางประกงนี่ก็คือเรียนประถม เรียนมัธยม
คุณอนันต์ :
เรียนจนจบมัธยม (ม.ศ. 3)

ผู้สัมภาษณ์ : จบ มศ.3 ปีเท่าไหร่
คุณอนันต์ :
ปี13 เดือนกันยาประมาณ 22 กันยายน 2513

ผู้สัมภาษณ์ : อื่อที่นี้ช่วงที่จบมศ.3 เอาไว้ทีหลัง เอานี้ก่อนช่วงที่อยู่ที่บางประกงตอนนั้นนี่โอเค เมื่อกี้เรื่องสภาพแวดล้อมแล้วนี่สิทธิทางการเมือง สิทธิสภาพ หรือว่าหมายถึงว่าเจ้าหน้าที่รัฐเขามีบทบาทอะไรต่อประชาชนบ้างครับสมัยนั้น
คุณอนันต์ :
ไม่มีอ่ะ ไม่มีไรเลย

ผู้สัมภาษณ์ : ครับ
คุณอนันต์ :
อื่อ ไม่มีดูแล้วไม่มีไรเลย

ผู้สัมภาษณ์ : ครับแล้วคือเข้าใจว่าสมัยนั้นเป็นยุครัฐบาลทหาร ทหารเป็นหมายถึงว่าในชีวิตประจำวันของเราทหารมาทำอะไรยังไงบ้างหรือเปล่าครับ
คุณอนันต์ :
ไม่มี

ผู้สัมภาษณ์ : หรือว่าไม่มี ไม่เห็น เขาก็อยู่ในองค์กร
คุณอนันต์ :
ไม่มี ไม่เห็น

ผู้สัมภาษณ์ : คือโดยปกติทหารก็ไม่มี
คุณอนันต์ :
ไม่มี

ผู้สัมภาษณ์ : แล้วบทบาทของตำรวจหรือว่าอะไรงี้การรีดไถอะไรประมาณนี้
คุณอนันต์ :
ไม่รู้หมายถึงช่วงนี้ผมก็ไม่ได้ประสบอ่ะนะ

ผู้สัมภาษณ์ : แล้วในโรงเรียนในอะไรงี้ครับ การเรียนการสอนเขาเป็นไงบ้างครับมีการพูดถึงการเมืองบ้างหรือเปล่า
คุณอนันต์ :
ไม่มี ปกติ ก็บ้านนอกอ่ะ บ้านนอกไม่มีอะไรเลยไม่มีการมงการเมืองนี่

ผู้สัมภาษณ์ : แต่ที่นี่พอพี่เรียนมอมอพี่เรียนนี่ เรียนประถมและมัธยมนี้เรียนโรงเรียนเดียวกัน
คุณอนันต์ :
ไม่ๆ

ผู้สัมภาษณ์ : แต่คือในสุขาภิบาลเหมือนกัน
คุณอนันต์ :
อ่าตั้งใกล้ๆ กัน

ผู้สัมภาษณ์ : ใกล้ๆกัน ใกล้ๆกัน
คุณอนันต์ :
โรงเรียนแถวบ้าน

ผู้สัมภาษณ์ : อ่าแต่แถวนั้นมี
คุณอนันต์ :
แต่โรงเรียนมัธยมแถวบ้านมีโรงเรียนเดียวที่ใกล้บ้านที่สุด

ผู้สัมภาษณ์ : ครับ
คุณอนันต์ :
แล้วเป็นโรงเรียนที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในย่านนั้นนะ เพราะว่ารุ่นนี้ที่บางประกงนั้นที่จบที่โรงเรียนนี้ได้ดีกันเยอะ

ผู้สัมภาษณ์ : ครับ ก็คือเหมือนเป็นโรงเรียนประจำอำเภอ
คุณอนันต์ :
อ่าก็คืออย่างงั้นน่ะ เพราะว่าย่านแถว ย่านแถวข้างเคียงเขาก็มาเรียนกันน่ะซึ่งก็อำเภอต่างๆเขาก็มาเรียน มีเป็นศิษย์เก่ามีได้ดีกันเยอะหลายคน

ผู้สัมภาษณ์ : ผู้หญิง
คุณอนันต์ :
ผู้ชายผู้ชาย

ผู้สัมภาษณ์ : ที่นี่ก็พอพี่จบม.3 พี่ก็ไปเรียนต่อที่กรุงเทพ
คุณอนันต์ :
ไม่ผมไม่ได้เรียนต่อ ผมก็มาทำงานเลย

ผู้สัมภาษณ์ : อื่อ
คุณอนันต์ :
ชีวิตผมครอบครัวจนที่สุดในตำบลน่ะ

ผู้สัมภาษณ์ : ครับ
คุณอนันต์ :
จนในตำบลเลยนะ ในหมู่บ้านผมจนที่สุด

ผู้สัมภาษณ์ : ครับ ปี 13 นี่ แล้วพี่เกิดปี 96
คุณอนันต์ :
2496

ผู้สัมภาษณ์ : ปี13ก็คือ
คุณอนันต์ :
จบกันยา 2513

ผู้สัมภาษณ์ : ตอนนั้นพี่อายุ 17
คุณอนันต์ :
จบกันยา 13 ก็ประมาณ 17 มั้ง ไม่มีตกชั้นไม่มีซ้ำชั้น เพราะตอนนั้นเรียนเป็นเปอร์เซ็นต์ ไม่ได้เรียนเหมือนตอนนี้นะ ถ้าไม่ถึง 50 ก็ต้องเรียนซ้ำชั้น

ผู้สัมภาษณ์ : ครับผม ก็ดีก็เลยเข้ามาทำงานในกรุงเทพ หรือที่ไหนครับ
คุณอนันต์ :
อ่าในกรุงเทพ ผมจบ 13 ใช่ม๊ะ

ผู้สัมภาษณ์ : ครับ
คุณอนันต์ :
แล้วผมก็อยู่ที่บ้านประมาณ 2 ปี 2ปี ออกทะเลนะ (อาชีพประมง)

ผู้สัมภาษณ์ : ไปกับเรือประมงไปกับอะไร
คุณอนันต์ :
อ่าผมอยู่ที่นั่นที่เขาสามมุกนี่ไปกับเรืออวนลากนี่เกือบสองปี ปีเศษๆ แล้วลุงผมนี่ลุงผมนี่ที่ทำงานที่กรุงเทพเป็น

ผู้สัมภาษณ์ : ครับ สะพานปลานี่คือในกรุงเทพ
คุณอนันต์ :
ในกรุงเทพสะพานปลา เคยได้ยินไหม โครงการสะพานปลากรุงเทพอ่ะ

ผู้สัมภาษณ์ : อ้อ แถวๆ วัด
คุณอนันต์ :
วัดสุทธิวราราม

ผู้สัมภาษณ์ : อ่าวัดสุทธิอ่าเคยผ่าน เคยผ่าน
คุณอนันต์ :
อื่อ นั่นแหละตรงนั้นแหละแล้วปัจจุบันนี้ก็ย้ายไปอยู่ตำบลบางผึ้ง ส่วนผมนี่ย้ายไปอยู่ด่านตรวจสัตว์น้ำท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

ผู้สัมภาษณ์ : ก็คือพี่นี่ก็ทำงานที่องค์การสะพานปลามาตลอดจนถึงปัจจุบันเลย
คุณอนันต์ :
ไม่ถึง ผมมาทำงานสะพานปลานี่ถึงปี 4 4 เท่าไหร่นะ 42 รู้สึกจะ 42 แล้วย้ายไปอยู่บางผึ้ง เชิงสะพานอะไรนี่ สะพานแขวนนี่ มันจะมีออฟฟิศอยู่ที่นั่น (สะพานพระรามเก้า)

ผู้สัมภาษณ์ : ครับ
คุณอนันต์ :
จากนั้นนี่ผมโดนคัดสรรค์ตำแหน่ง จากตำแหน่งผมนี่ที่ทำงานผมนี่ตำแหน่งผมมันล้นจะต้องเอาคนออก ผมก็โดนเกลี่ยนี่มาอยู่ที่ดอนเมือง จากดอนเมืองนี่ผม มาอยู่ด่านท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

ผู้สัมภาษณ์ : หมายความว่ามารับตำแหน่งอื่นที่นี่
คุณอนันต์ :
อ่า ใช่

ผู้สัมภาษณ์ : แต่ว่าองค์กรเดียวกัน
คุณอนันต์ :
อ่ากรมเดียวกัน

ผู้สัมภาษณ์ : แต่ว่าคนละ
คุณอนันต์ :
คนละสำนักอ่ากรมเดียวกันแต่ว่าคนละสำนัก เดิมที่ผมอยู่สำนักทะเล แต่ไอ้นี่มาอยู่สำนักบริหาร องค์การฝ่ายบริหาร ตรวจสัตว์น้ำท่าอากาศยานสุวรรณภูมิขาออกระหว่างประเทศ

ผู้สัมภาษณ์ : ครับผม
คุณอนันต์ :
เพราะฉะนั้นใครที่ส่งสัตว์น้ำนี่เขาต้องผ่านด่านกรองสัตว์น้ำท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

ผู้สัมภาษณ์ : ลุงพาไปเข้าสะพานปลาปี 15 แล้วทีนี้พี่เข้าไปเกี่ยวกับเหตุการณ์ 14 ตุลาได้ไง
คุณอนันต์ :
คือช่วงนั้นนี่ที่ผมรียน ไปทำงานไปด้วยพร้อมกัน

ผู้สัมภาษณ์ : ครับ
คุณอนันต์ :
ช่วงนั้นรู้สึกจะเป็นปี 15 แล้วผมก็ไปเรียนต่อ

ผู้สัมภาษณ์ : ครับ
คุณอนันต์ :
ไปเรียนต่อที่วิทยาลัยครูกรุงธนบุรี

ผู้สัมภาษณ์ : เรียนต่อหมายถึง
คุณอนันต์ :
เป็นลอบทไวไลต์ คือเรียนด้วยทำงานด้วยไง เรียนภาคทไวไลต์ที่วิทยาลัยครูธนบุรี

ผู้สัมภาษณ์ : ธนบุรีนี่คือ
คุณอนันต์ :
ปี 16 วิทยาลัยครูธนบุรี

ผู้สัมภาษณ์ : ธนบุรีนี่คือพระจอมเกล้าธนบุรีไหม
คุณอนันต์ :
ไม่ใช่ วิทยาลัยครูธนบุรี

ผู้สัมภาษณ์ : อื่อ วิทลัยกรุงธนบุรี อ๋อ
คุณอนันต์ :
ตอนนี้เป็นราชภัฏธนบุรี

ผู้สัมภาษณ์ : ครับผม
คุณอนันต์ :
ตอนนี้ก็เป็นสถาบันราชภัฎธนบุรี

ผู้สัมภาษณ์ : ตอนนั้นเรียน เรียนอะไรอยู่
คุณอนันต์ :
ภาคทไวไลต์ ปกศ. ต้น

ผู้สัมภาษณ์ : เอกๆ หมายถึงว่า
คุณอนันต์ :
ไม่มีเอก ปกส.ต้น รู้จัก ปกส.ต้นไหม ประกาศนียบัตรชั้นต้นของครูอ่ะ

ผู้สัมภาษณ์ : หมายถึง ปวช.
คุณอนันต์ :
ไม่ใช่

ผู้สัมภาษณ์ : ครู?
คุณอนันต์ :
เรียนครูไง เรียนครูมันมีสองปีอันนี้ปี ไอ้ช่วงที่มันเกิดนี่ 14 ตุลาใช่ม๊ะ

ผู้สัมภาษณ์ : ครับ
คุณอนันต์ :
ผมเข้าไปเรียนพฤษภา ปี 16

ผู้สัมภาษณ์ : เดี๋ยวก่อนไปถึงวิทยาลัยผมขอถามเรื่องส่วนตัวพี่อีกนิดนึงได้มั๊ย คือพี่ทำงานเกี่ยวกับสะพานปลาอะไรงี้แต่ทำไมเวลาไปเรียน กลับเลือกเรียนครู?
คุณอนันต์ :
ก็ผมจะเอาวุฒิไปเรียนต่อปริญญาไง เพราะว่ารามคำแหงเนี่ยช่วงที่ผมเรียนรามคำแหงเนี่ยรามคำแหงเขาไม่เอาวุฒิ ป.6, มศ.3 ใช่ม๊ะคุณต้องมีวุฒิ ม.8 เพราะฉะนั้นนี่คุณจะเอาวุฒิ ม.8ได้คุณต้องเรียน ปวช. ปกศ.รุ้จักม๊ะแล้วเอานี้ไปเทียบเพื่อจะเรียนราม แล้วผมก็ต้องเอาเนี่ยหาไรที่มันเทียบ พอผมจบเนี่ยภาค ปกศ.ผมก็ไปต่อรามแล้วที่นี้นี่ผมจบนิติศาสตร์รามคำแหงรุ่น 16 ปี 2532

ผู้สัมภาษณ์ : แล้วตอนนั้นเนี่ยที่ทำองค์การสะพานปลาพักที่ไหนเนี่ย
คุณอนันต์ :
ผมพักหอพักซอยโพธิ์สามต้น ฝั่งธนบุรี

ผู้สัมภาษณ์ : ครับ
คุณอนันต์ :
แล้วพอดีมีปัญหากับทางบ้านเกี่ยวกับภรรยาลุง ผมก็ย้ายตัวเองนี่ไปอยู่หอ

ผู้สัมภาษณ์ : ครับ
คุณอนันต์ :
เฮ้ยลืมไปงี้ ซอยนั้นซอยดังทุกคนรู้จักตรงข้ามกับกรมอู่เลยมันจะเป็นซอยตรงข้ามกรมอู่เลย

ผู้สัมภาษณ์ : แถวบางกอกน้อยหรอครับหรือว่ายังไง
คุณอนันต์ :
ตรงฝั่งธนเลยอ่ะ อู้ลืมชื่อแล้วอ่ะว่าซอย วัด

ผู้สัมภาษณ์ : วัด
คุณอนันต์ :
ตรงข้ามกรมอู่

ผู้สัมภาษณ์ : มีแผนที่
คุณอนันต์ :
เอ้อๆ มันจะเป็นสามแยกถ้าบอกไอ้นี่ร้องอ๋อเลยอ่ะ ผมก็ลืมมันนานสามสี่สิบปีแล้ว

ผู้สัมภาษณ์ : ครับ
คุณอนันต์ :
ไหน กรมอู่ทหารเรืออยู่ไหนอ่ะ

ผู้สัมภาษณ์ : อันนี้กรมอุตุน้อยไปออกนี้
คุณอนันต์ :
อ่าอู่

ผู้สัมภาษณ์ : ทหารเรือ
คุณอนันต์ :
อ่ากรมอู่ทหารเรือคุณชี้ให้ผมดูทหารเรือ

ผู้สัมภาษณ์ : อันนี้รถไฟไฟสถานีบางกอกน้อย
คุณอนันต์ :
ไม่ใช่ไม่ใช่

ผู้สัมภาษณ์ : อันนี้ทางนี้อู่ทหารเรืออู่เรือที่ใกล้
คุณอนันต์ :
วัดไอ้นี่อ่ะวัด กรมอู่ทหารเรืออยู่ตรงไหนนี่คุณชี้สิผมมองไม่เห็นอ่ะ

ผู้สัมภาษณ์ : มันไม่มีอ่ะครับ
คุณอนันต์ :
มีมันต้องมีสิ

ผู้สัมภาษณ์ : อ่ะเด๋วนะ เดินไปข้างหน้าไม่ใช่ใช่ไหมครับ
คุณอนันต์ :
ไม่ใช่ฝั่งธนน่ะ คุณเอาฝั่งธนนะไม่ใช่ฝั่งพระนครนะ

ผู้สัมภาษณ์ : วัดอะไรครับ วัด
คุณอนันต์ :
คุณไล่ชื่อวัดดูซิ

ผู้สัมภาษณ์ : วัดดุสิต
คุณอนันต์ :
ไม่ใช่

ผู้สัมภาษณ์ : วัดอัมรินทร์
คุณอนันต์ :
ไม่ใช่

ผู้สัมภาษณ์ : วัดอรุณ
คุณอนันต์ :
ไอ้ตรงนี้มันจะมีโรงเรียนดังๆ อยู่โรงเรียนหนึ่งอ่ะโรงเรียนอ่ะ

ผู้สัมภาษณ์ : วัดระฆัง
คุณอนันต์ :
อ่ะ พาณิชย์ราชดำเนิน

ผู้สัมภาษณ์ : พาณิชย์ราชดำเนิน
คุณอนันต์ :
ทวีธาพิเศก โรงเรียนทวีธาพิเศกเห็นไหม

ผู้สัมภาษณ์ : มีหรอ
คุณอนันต์ :
มีสิ

ผู้สัมภาษณ์ : นี่กรมพิเศษทหารเรือ
คุณอนันต์ :
คุณไล่ขึ้นมาเรื่อยตั้งแต่โรงบาลศิริราชขึ้นมาข้างบนน่ะ

ผู้สัมภาษณ์ : โรงบาลศิริราชอยู่ตรงนี้
คุณอนันต์ :
อ่าๆ ไล่ขึ้นมาเรื่อยมีโรงเรียนไหมเห็นไหม

ผู้สัมภาษณ์ : อ่าครับ
คุณอนันต์ :
มีโรงเรียนทวีธาพิเศกเนี่ยฝั่งตรงข้ามนี่

ผู้สัมภาษณ์ : ครับก็คืออยู่ตรงนี้
คุณอนันต์ :
อ่าๆไม่ถึงสถานีรถไฟ วัดมันติดข้างวัดเลย วัดอะไรเอ๊

ผู้สัมภาษณ์ : วัดอรุณ วัดอมรินทร
คุณอนันต์ :
ไอ้สะพานมอญอ่ะ รู้จักสะพานมอญไหม

ผู้สัมภาษณ์ : ไอ้ตรงนี้ตรง
คุณอนันต์ :
ไอ้สะพานมอญตรงสะพานมอญมันแค่สองป้ายรถ

ผู้สัมภาษณ์ : ตรง?
คุณอนันต์ :
วัดพับวัดอะไรวัดกษิตอ่ะ

ผู้สัมภาษณ์ : ไม่รู้จักครับ
คุณอนันต์ :
วัดกษิตยังไม่รู้จักอีก

ผู้สัมภาษณ์ : ผมไม่ทันครับ
คุณอนันต์ :
ไอ้ตรงวัดกษิตมันจะมีซอยอยู่ซอยหนึ่ง ซอยเนี้ยซอยดัง ทุกคนรู้จักหมด แล้วไอ้ซอยนี้มันจะตรงข้ามกับกรมอู่ทหารเรือเดินเข้าไป มันจะมีหอพักแล้วเวลามีเรื่องมีราวนะ ได้ยินเสียงปืนเสียงอะไรดัง

ผู้สัมภาษณ์ : หมายถึงว่าหอพักนี่พี่อยู่ฝั่งพระนครหรอครับ
คุณอนันต์ :
ฝั่งธนบุรี

ผู้สัมภาษณ์ : อ๋อฝั่งธนแต่วัดอยู่ฝั่งพระนคร
คุณอนันต์ :
วัดไรอ่ะ

ผู้สัมภาษณ์ : วัดที่ว่าเมื่อกี้อ่ะ
คุณอนันต์ :
วัดราษฎร์กษิตอยู่ฝั่งเดียวกัน

ผู้สัมภาษณ์ : ฝั่งเดียวกัน
คุณอนันต์ :
ผมเดินจากวัดราษฏร์กษิตนี้ทะลุหอพักได้เลยอ่ะ

ผู้สัมภาษณ์ : อื่อโอเค
คุณอนันต์ :
มันเป็นสวนอ่ะ

ผู้สัมภาษณ์ : วัดราชสิตคือมันในแผนที่มันมีไหมทุกวันอ่ะครับ
คุณอนันต์ :
วัดราชสิต วัดดังจะตาย วัดเจริญพาสอ่ะสะพานเจริญพาสรู้จักม๊ะ

ผู้สัมภาษณ์ : ไม่รู้จัก
คุณอนันต์ :
ไม่รู้จัก คุณรู้จักไอ้นี่ไหมราชของภัฏของไอ้นี่ราชชภัฏเจ้าพระยาราชภัฏธนบุรีอ่ะ

ผู้สัมภาษณ์ : ราชภัฏธนบุรี
คุณอนันต์ :
แยกธนบุรีเก่าอ่ะแยกพรานนก เอ้ยแยกบ้านแขกอ่ะ

ผู้สัมภาษณ์ : บ้านแพง บ้านแขกอยู่ตรงนี้
คุณอนันต์ :
โอ้ยไปอีกไกลเลยอนุสาวรีย์พระเจ้าตากสินอ่ะ

ผู้สัมภาษณ์ : นี่ครับนี่นี่บ้านแขก
คุณอนันต์ :
อ่าเห็นแยกบ้านแขกไหมแยกบ้านแขกอ่ะขึ้นสะพานหรือป่าว

ผู้สัมภาษณ์ : นี่ครับนี่สะพาน
คุณอนันต์ :
สะพานเจริญพาส

ผู้สัมภาษณ์ : ไม่ครับสะพานพุทธ
คุณอนันต์ :
ไม่ใช่นี่คลอง

ผู้สัมภาษณ์ : อันนี้สะพาน
คุณอนันต์ :
อ๋อนี่ๆ นี่ฝั่งธนนี่

ผู้สัมภาษณ์ : ครับ
คุณอนันต์ :
นี่ฝั่งธนใช่ไหม นี่บ้านแขกมันจะอยู่แถวนี้อ่ะ

ผู้สัมภาษณ์ : ครับ
คุณอนันต์ :
นี่ๆ นี่เข้าไปนี่อ่ะ

ผู้สัมภาษณ์ : ครับวัดอะไรนะเมื่อกี้ นี่ไงมัสยิดบ้านสมเด็จ
คุณอนันต์ :
อ่านี่บ้านสมเด็จแล้ว วัดราชสิตวัดพระเก่าอ่ะ

ผู้สัมภาษณ์ : ไม่มีครับ ไม่มี มีวัดบางให้ไก่
คุณอนันต์ :
บางให้ไก่นี่วัดนั่นนิวัดมอญอ่ะ ลงไปหน่อยอ่ะลงไปห้างอ่ะวัดบางให้ไก่แล้วก็

ผู้สัมภาษณ์ : มีวัดใหญ่ศรีสุพรรณ
คุณอนันต์ :
มีสะพานเจริญพาสไหมตรงนี้อ่ะสะพานข้ามคลองอ่ะ

ผู้สัมภาษณ์ : นี่มีตรงนี้อ่ะครับ
คุณอนันต์ :
สะพานข้ามคลองม๊า

ผู้สัมภาษณ์ : สะพานเพชรเกษม
คุณอนันต์ :
แล้ว

ผู้สัมภาษณ์ : ตรงนี้เป็นอิสรภาพ
คุณอนันต์ :
แล้วอิสรภาพนี่

ผู้สัมภาษณ์ : คือตรงนี้มันไม่ละเอียดอ่ะครับ
คุณอนันต์ :
อิสรภาพไม่ใช่อ่ะ

ผู้สัมภาษณ์ : แต่พี่เองนี่อยู่ฝั่งธน พักอยู่ฝั่งธนแล้วก็ทำงานอยู่ฝั่งธนเอ้ยไม่ใช่ทำงานอยู่ฝั่งนี้ใช่ไหมครับ
คุณอนันต์ :
อ่าไอ้ที่ทำงานผมเพราะว่าผมเลิกงานนี่ผมสามารถมาเรียนได้ทันเลย เพราะว่าผมข้ามแม่น้ำอ่ะ ข้ามตรงไอ้นี่ไอ้ตรงไอ้นี่ไอ้ตรงดูแมกอ่ะไอ้ตรงไอ้โรงบาลอะไรอ่ะ โรงบาลไรว๊า (โรงพยาบาลตากลับ)

ผู้สัมภาษณ์ : สะพานปลามันอยู่ตรงอะไรนะครับ วัดราชสิงขรวัดอะไร
คุณอนันต์ :
สะพานปลามันอยู่ติดกับวัดไอ้นี่ วัดสุทธิ วัดสุทธิวรารามฝั่งพระนครนะ

ผู้สัมภาษณ์ : ครับ ผมเคยผ่านแต่ผมจำไม่ได้ โอเคผมย้อนผมย้อนนิดนึงนะครับช่วงที่พี่ออกเรือนี่ตอนนั้นการทำงานบนเรือมันเป็นยังไงบ้าง พี่ไปทำอะไรบนเรือครับ
คุณอนันต์ :
ผมไปเก็บข้อมูล สำรวจประชากรปลาทู

ผู้สัมภาษณ์ : หมายถึงออกเรือประมงสองปีแรกน่ะนะครับ
คุณอนันต์ :
ใช่ๆ ก่อนที่มานี่ผมก็รับจ้างทั่วๆ ไป

ผู้สัมภาษณ์ : หมายถึงว่าบนเรือแบ่งหน้าที่อะไร
คุณอนันต์ :
ไม่มีอ่ะมีแบ่งสองคนเจ้าของเรือกับผม

ผู้สัมภาษณ์ : ก์คือไม่ใช่ไม่ใช่เรือใหญ่
คุณอนันต์ :
ก็เรือลากแคระธรรมดาอ่ะ เรือชายฝั่งอ่ะ

ผู้สัมภาษณ์ : ครับ
คุณอนันต์ :
ก็มีเรืออวนลากอ่ะ เมื่อได้สัตว์น้ำมาผมมีหน้าที่คัดแยกปลา แยกคัดกุ้งนี่เพื่อไปขายวันต่อเองออกเรือสี่โมงเย็นกลับประมาณหกโมงเช้าเป็นอย่างงี้ทุกวัน

ผู้สัมภาษณ์ : ก็คือแถวๆ บางประกง
คุณอนันต์ :
ไม่ใช่เขาสามมุกจ.ชลบุรีที่ทำงานหากินนะที่อกทะเลก่อนจะมาทำงาน

ผู้สัมภาษณ์ : คือเวลาลากมันต้องรอไปดูฝูงปลาหรืออะไรยังไง
คุณอนันต์ :
ไม่ต้องไม่ต้อง เรือเล็กนี่มันจะมีแหล่งทำการประมงอยู่สมมติว่าคุณไปถึงปั๊บนี่คุณทิ้งเครื่องมือปั๊บนี่คุณจะเล็งง่ายๆเลย ใช้ระยะเวลาสี่ชั่วโมงสมมติว่าชั่วโมงกู้ สองชั่วโมงกู้ในแนวนี้นะคุณทิ้งไปเลยสองชั่วโมงกู้คุณจะรู้เลยว่าปริมาณสัตว์น้ำในแนวนี้ที่คุณลากนะมากน้อยขนาดไหน ถ้ามากคุณก็ลากซ้ำกลับอีก ถ้าไม่มากคุณก็ต้องเปลี่ยนแนวเข้าใจม๊ะ คือเราไม่รู้นี่ผมก็ตั้งแนวไว้เฉยๆ

ผู้สัมภาษณ์ : แล้วปลาที่ได้
คุณอนันต์ :
กุ้งหอย ปู ปลาหลากหลายทั่วไปไม่ใช่ปลาอะไรก็มีพวกปลาจารเม็ดปลาหลายชนิดอ่ะ

ผู้สัมภาษณ์ : ก็คือมันจะปะปนกัน
คุณอนันต์ :
ถูกต้อง

ผู้สัมภาษณ์ : หลายชนิด
คุณอนันต์ :
มันก็สัตว์น้ำรวมกองหนึ่งคุณก็ไปแยกแยกไอ้นี่กุ้งนะ ไอ้นี่ปลามีราคา ไอ้นี่หมึกนะ ไอ้นี่ปูนะไอ้ขยะก็ไค้ๆหน่อย แล้วก็เอาไปขายที่ฝั่งก็จะมีพ่อค้าคนกลางรับซื้อ

ผู้สัมภาษณ์ : ครับผมแล้วทีนี้พอพอปี 15 มาอยู่มาทำงานอยู่องค์การสะพานปลาพอ 16ก็เข้าเรียน
คุณอนันต์ :
ครับเข้าเรียนผมเป็นนักเรียนที่วิทลัยครูธนบุรีนี่ตอน พฤษภา ปี 16

ผู้สัมภาษณ์ : ก่อนหน้านั้นก่อนเข้าเรียนวิทลัยครูนี่ได้ตามข่าวการเมืองหรือสนใจข่าวการเมืองบ้างไหม
คุณอนันต์ :
ไม่มีเลย ไม่ได้สนใจข่าวการเมืองเลย

ผู้สัมภาษณ์ : แล้วเข้าไปประสบเหตุได้ไงครับ เข่าไปร่วมได้ไงครับ
คุณอนันต์ :
ประมาณ 4- 5 คน เพื่อนที่หอไปกับเพื่อนที่หอช่วงแรกไปกับเพื่อนที่ธรรมศาสตร์ก็จะมีกลุ่มของพวกกเราอยู่ประมาณ 4-5 คน

ผู้สัมภาษณ์ : พอจะจำไหมครับเพื่อนมาขวนวันแรก เพื่อนมาชวนหลายครั้งไหมครับกว่าจะได้ไป
คุณอนันต์ :
ชวนก็ไปเลย

ผู้สัมภาษณ์ : เขามาบอกว่าไงบ้างครับ
คุณอนันต์ :
เขามาบอกไอ้นี่เขามีการเรียกร้องประชาธิปไตยที่ธรรมศาสตร์ แล้วช่วงนั้นพวกผมนี่ก็อยู่หอพักซอยโพธิ์สามต้น พอข้ามฝั่งจากศิริราชมาขึ้นมาก็ธรรมศาสตร์เลยมันใกล้อ่ะ มาก็มาอยู่กลุ่มกลุ่มไม่กี่คนหรอกสี่ห้าหกคน

ผู้สัมภาษณ์ : เพื่อนพี่ที่เรียน
คุณอนันต์ :
เพื่อนที่หอแล้วเขาก็เรียนด้วย

ผู้สัมภาษณ์ : คือตอนแรกตั้งใจจะไปร่วมหรือว่ายังไง
คุณอนันต์ :
คือเขาชวนก็ไปก็ไป

ผู้สัมภาษณ์ : เราเห็นด้วยกับข้อเรียกร้องกับ
คุณอนันต์ :
เห็นด้วยกับข้อเรียกร้อง

ผู้สัมภาษณ์ : พอจะจำได้ไหมครับว่าไปวันแรกนี่ไปกี่โมงไปถึงกี่โมง
คุณอนันต์ :
ก็ค่ำๆ นะ ค่ำก็อยู่ยาวตลอดอ่ะอยู่

ผู้สัมภาษณ์ : ค่ำๆ
คุณอนันต์ :
ใช่ อยู่ดึกอ่ะแต่ไม่ค้างนะดึกแล้วก็กลับ

ผู้สัมภาษณ์ : ก็คือไปหลายวันพอที่จะเห็น
คุณอนันต์ :
ไปทุกวันเมื่อเลิกเรียน เลิกทำงาน

ผู้สัมภาษณ์ : ตอนไปวันแรกนี่พี่พอจะจำได้ไหมครับว่าไปนั่งที่ลานโพธิ์หรือที่สนามเอ้ยที่สนามฟุตบอล
คุณอนันต์ :
หน้าลานโพน่ะ

ผู้สัมภาษณ์ : ครับ
คุณอนันต์ :
มีนักศึกษาเต็มไปหมดเลยผมก็นั่งกลุ่มห้าหกคน

ผู้สัมภาษณ์ : ก็คือไปหลายครั้งเป็นกลุ่มเดิมกลุ่มที่บอกพักหอด้วยกัน
คุณอนันต์ :
ใช่ไปกันตลอดคือแรกเลิกงานมาไอ้นี่ก็ไปกันไอ้นี่ชวนก็ไปกันพอค่ำๆอ่ะไม่รู้กี่โมงอ่ะก็กลับมาอาบน้ำอาบท่านอนแล้วก็ไอ้นี่เช้าก็ไปทำงานแล้วพอเย็นก็ไปกัน

ผู้สัมภาษณ์ : แล้วพอตอนไปวันแรกที่ไปชุมนุมไปอะไร พอวันรุ่งขึ้นที่ไปทำงานหรือไปเรียนนี่เราได้คุยกับใครไหมว่า นี่ไปชุมนุมหรืออะไรอย่างงี้
คุณอนันต์ :
ไม่มีมีผมไม่เคยคุย

ผู้สัมภาษณ์ : แล้วๆ ก็คือชุมนุมอยู่หลายๆ วันตอนนั้นการชุมนุมเป็นไงบ้างครับ
คุณอนันต์ :
ไม่รุนแรงก็ปกติ แต่หลังจากนั้นก็มีเหตุการณ์รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

ผู้สัมภาษณ์ : ครับ
คุณอนันต์ :
มีการปราศรัยพร้อมกับกิจกรรมบนเวที

ผู้สัมภาษณ์ : แล้วกิจกรรมนอกเวทีล่ะครับเช่นบนเวทีมันก็จะมีปราศัยมีตลกกันแล้วข้างล่างเขามีกิจกรรมอื่นๆอีกไหมครับมี
คุณอนันต์ :
ตรบมือโห่ร้อง

ผู้สัมภาษณ์ : มีการประชุมอะไรงี้
คุณอนันต์ :
ไม่มี ผมอยู่ก็นั่งกันเฉยๆ มีแต่แถลงการณ์

ผู้สัมภาษณ์ : มีคนข้างล่างทำป้ายทำอะไรไปเองมีไหมครับ เขียนกระดาษเขียนโปสเตอร์ไรงี้
คุณอนันต์ :
ไม่รู้เลยกลุ่มผมไม่มี ไม่มีแต่กลุ่มอื่นผมไม่รู้นะมันนานแระแต่กลุ่มผมไม่มีไปนั่งเฉยๆ

ผู้สัมภาษณ์ : คือไปวันแรกเพราะอยากรู้หรืออะไรก็แล้วแต่นี่ ทำไมวันหลังๆยังไปอีก
คุณอนันต์ :
อื่อมันมีอยู่ช่วงที่รุนแรงอ่ะนะ ช่วงไปช่วงนั้นอ่ะแล้วผมก็กลับบ้าน(บางปะกง) ผมกลับบ้านนอกจริงๆนะช่วงนั้นอยู่บ้านนอกผมมาดูทีวีอ่ะ พอมาดูทีวีปั๊บนี่มันเดินขบาวนกันแล้วชวงนั้นรู้สึกจะห้าห้าโมงเช้ามั้ง ความรู้สึกจะต้องไปร่วมชุมนุมด้วยจึงเดินทางเข้ากรุงเทพฯ

ผู้สัมภาษณ์ : ครับ
คุณอนันต์ :
ห้าโมงเช้าหรือเที่ยงผมนั่งดูทีวีอยู่ที่บ้านผมก็มากรุงเทพเลยมาคนเดียวเลย

ผู้สัมภาษณ์ : อื่อ
คุณอนันต์ :
แล้วก็มาร่วมชุมนุมนี้ด้วยเลย

ผู้สัมภาษณ์ : คือไปชุมนุมแล้วก็กลับบ้าน
คุณอนันต์ :
อ่า ช่วงนั้นมีกิจกรรมชุมนุมแล้วก็กลับบ้านไม่มีแอคติวิตี้อย่างอื่น

ผู้สัมภาษณ์ : ทำไมถึงกลับบ้านตอนนั้นเป็นวันเสาร์อาทิตย์หรือว่ายังไง
คุณอนันต์ :
ก็ไม่รู้สิผมก็ไม่รู้ ผมจำไม่ได้แล้วแต่ว่าผมจำได้ว่าผมนี่กลับไปที่บ้านตอนนั้นแล้วผมก็ไปดูทีวีคนเดียวแล้วผมก็เห็นข่าวมันออก

ผู้สัมภาษณ์ : แต่คือก่อน ก่อนที่พี่กลับบ้านพี่เคยไปชุมนุมที่ธรรมศาสตร์แล้ว
คุณอนันต์ :
ไปชุมนุมที่ธรรมศาสตร์ที่ผมพูดว่าไปประมาณสี่ห้าคนไปงี้ประจำไปทุกวันไปนั่ง

ผู้สัมภาษณ์ : หลายครั้ง
คุณอนันต์ :
อ่าหลายครั้งหลังจากนั้นนี่ผมก็กลับบ้านนอกพอกลับบ้านนอกนี่ผมก็เปิดทีวีดู

ผู้สัมภาษณ์ : เห็นข่าว
คุณอนันต์ :
เห็นข่าวเขาเดินขบวนมีนักศึกษาเดินขบวนเต็มไปหมดเลย ผมบอกว่าเฮ้ยอยู่ไม่ได้แล้วงี้ ผมก็คิดในใจเองผมก็นั่งรถจากบ้านนอกงี้บางประกงนี้ผมเข้ามากรุงเทพเลยมาคนเดียว

ผู้สัมภาษณ์ : ทำไมถึงคิดว่าอยู่ไม่ได้
คุณอนันต์ :
คือมันไม่รู้นิใจมันก็ไม่รู้นะคือมันเห็นแล้วมันต้องเข้าไปชุมนุมด้วยไปอะไรด้วยงี้ ใจมันคิดแค่นั้นแหละไม่ได้คิดไรมากแล้วช่วงนั้นไปก็ลุยคนเดียวตลอด

ผู้สัมภาษณ์ : คือไปรอบหลังนี่ไม่ได้เจอกับเพื่อน
คุณอนันต์ :
ไม่มีอ่ะอันนี้เดี่ยวเลย เดี่ยวเลย

ผู้สัมภาษณ์ : แล้วข่าวที่ทีวีออกงี้เขามีความเห็นต่อเขารายงานแบบไหนรายงานแบบ รายงานแค่เป็นว่า
คุณอนันต์ :
ผมไม่ได้ฟังอ่ะนะพอผมเห็นว่านักศึกษาเดินขบวนไปที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยนี่นะผมก็ลุกขึ้น ผมไม่ได้บอกแม่นะไม่ได้บอกใครอะไรทั้งนั้น

ผู้สัมภาษณ์ : ครับ
คุณอนันต์ :
แล้วก็บอกว่าจะเข้ากรุงเทพแล้วผมก็เข้ากรุงเทพแล้วผมก็มานี่มาร่วมชุมนุม

ผู้สัมภาษณ์ : นั่งรถมา เดินทางยังไงครับลง
คุณอนันต์ :
ใช่นั่งรถมาปกติ ไม่รู้ว่าไปที่ชุมนุมเลยหรือไปที่หอพักก่อนนะเพราะช่วงนั้นผมก็ยังยังพักอยู่ที่หอพักอยู่

ผู้สัมภาษณ์ : พี่พอจะจำได้ไหมตอนที่เข้าไปอยู่ในขบวนนี่ตอนนั้นขบวนเขาไปอยู่จุดไหนอะไรยังไงแล้ว
คุณอนันต์ :
ตอนที่ผมเห็นทีวีนี่นะผมรู้สึกจะเห็นอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยด้วยนะ

ผู้สัมภาษณ์ : ครับ
คุณอนันต์ :
ที่มันคนเยอะๆ อ่ะนะมันมีช่วงนั้นอ่ะแล้วผมก็เข้ามาเข้ามาชุมนุกับเขาเลย

ผู้สัมภาษณ์ : หมายถึงว่าอาจจะเป็นเย็นๆวันนั้น
คุณอนันต์ :
ก็ช่วงนั้น

ผู้สัมภาษณ์ : เดินขบวนนี่วันที่ 13
คุณอนันต์ :
ครับไม่รู้อ่ะผมจำไม่ได้

ผู้สัมภาษณ์ : ก็กว่าพี่จะเดินทางมาหรือออะไรมาก็น่าจะเย็นๆ
คุณอนันต์ :
จำไม่ได้

ผู้สัมภาษณ์ : แล้วคืนนั้นคืนที่พี่เข้ามาที่ขบวนแล้วพี่ได้ค้างที่ได้นอนที่
คุณอนันต์ :
ผมนอนอยู่หน้ารู้จักร้านอาหารศรแดงไหม

ผู้สัมภาษณ์ : ครับ
คุณอนันต์ :
ผมนอนอยู่สองคืน

ผู้สัมภาษณ์ : ก็คือคืนวันที่13
คุณอนันต์ :
ไม่รู้อ่ะมีผู้หญิงอยู่สองคนขึ้นปราศรัยอนุสาวรีย์และมีคนเยอะมาก

ผู้สัมภาษณ์ : ครับ
คุณอนันต์ :
ผมนอนอยู่ข้างบันไดศรแดงเลยนอนอยู่คนเดียวเลยโหหนาวหนาวมากๆ

ผู้สัมภาษณ์ : แล้วมีหออยู่ใกล้ๆทำไมไม่
คุณอนันต์ :
มันดึกเรือข้ามฟากก็ไม่มี รถเมล์ก็ไม่มี

ผู้สัมภาษณ์ : ครับ
คุณอนันต์ :
ผมไม่กลับหรอกก็ไม่รู้นั่งฟังผมก็นั่งฟังด้วยอ่ะ

ผู้สัมภาษณ์ : ตอนนั้นใจไปแล้ว
คุณอนันต์ :
ก็มี ก็ไม่รู้ใจไปหรือเปล่าแต่ว่าผมนอนนี่เลยนอนแบบนี่เลย

ผู้สัมภาษณ์ : เดือนตุลาด้วย
คุณอนันต์ :
อ่าแล้วมีตอนเช้าผมก็กลับไปอาบน้ำอาบท่าแล้วผมก็มาใหม่แล้วก็มาใหม่

ผู้สัมภาษณ์ : ครับ
คุณอนันต์ :
แต่ว่าช่วงนั้นนี่คนเดียวตลอดนะผมไม่มีไรทั้งนั้น

ผู้สัมภาษณ์ : แล้วได้เข้าไปทำกิจกรรมในนั้นไหม ไปเป็นการ์ดไปเป็นให้อาหารเพื่อนไหม
คุณอนันต์ :
ไม่ไม่ ช่วงที่ผมอยู่ในนั้นอ่ะเขาเรียกกิจกรรมหรือเปล่านะ เขาเฮผมก็เฮอ่ะไปยึดรถเมล์ไปนั่งอยู่บนหัวรถเมล์เลย

ผู้สัมภาษณ์ : ครับ
คุณอนันต์ :
รถโดยสาร

ผู้สัมภาษณ์ : น่าจะมีรูปที่ถ่ายอยู่บนนั้น
คุณอนันต์ :
ไม่รู้ผมก็ไม่รู้ ไม่รู้นะตอนนั้นนักศึกษาเป็นใหญ่อ่ะ

ผู้สัมภาษณ์ : อันนี้คือหลังจากการปะทะแล้ว
คุณอนันต์ :
ก็มีในช่วงเพราะว่าช่วงที่ผมอยู่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยนี่ช่วงร้านอาหารศรแดงมีเจ้าหน้าที่นี่ มีคนของเรานี่จะไปสู้ไปสู้กับใครไม่รู้นะแล้วก็ให้เรียงแถวนี่ผมก็เรียงแต่ว่าไม่จำนวนคนที่มานี่มันไม่ถึงผม ผมก็รอดมาแล้วไอ้พวกที่เกณฑ์ไปนี่มันก็หายไปหมด มันไม่ได้กลับมาเลยไม่รู้ไปไงผมก็ไม่รู้นะ ไม่กลับมาเลยผมอยู่ตั้งแต่ไอ้หน้า หน้าเฉลิมชัยเก่าหน้าเฉลิมชัยเก่านี่แล้วก็อยู่ย้อนมาถึงสนามหลวง

ผู้สัมภาษณ์ : หมายถึงว่าเดินไปเดินมา
คุณอนันต์ :
อ่าช่วงนี้ช่วงที่ทำกิจกรรมนี่มีผมนี่วิ่งรอบตลอด ผมไม่เคยวิ่งไปถึงโรงหนังเฉลิมไทยเลย

ผู้สัมภาษณ์ : ตอนนั้นได้เชคข่าวกับทางอื่นไหมที่เป็นทางเพื่อนได้โทรไปถามเพื่อนที่ดูทีวีที่อยู่
คุณอนันต์ :
ไม่มี ไม่มี

ผู้สัมภาษณ์ : ก็คือข่าวสารหลักๆก็คือข่าวจากเวที
คุณอนันต์ :
ใช่ๆ ก็มีกิจกรรมกับคนที่ไม่รู้จัก

ผู้สัมภาษณ์ : ครับ แล้วตอนนั้นมีโอเคก็คือวันที่ 13 ก็คือค้างที่นั่นวันที่14 วันที่14 มีข่าวลือข่าวอะไรบ้างที่พี่จำได้ตอนนั้น
คุณอนันต์ :
ข่าวลือคืออะไร

ผู้สัมภาษณ์ : เช่นข่าวที่ว่าเพื่อนในม็อบบอกว่า เพื่อนในที่อื่นบอกว่า
คุณอนันต์ :
ไม่มี

ผู้สัมภาษณ์ : ปล่อยตัวแล้วหรือเขาจะปราบอะไรนี้
คุณอนันต์ :
ปราบมีแต่ปล่อยตัวนี่ผมไม่รู้ที่ผมไปกับนักศึกษาเนี่ยไอ้ที่ยึดรถเมล์ผมวิ่งไปมีข่าวว่าทหารเต็มไปหมดเลย ขวางทางเต็มไปหมดไปก็มีแต่ไม่มีอะไร แล้วมีช่วงหนึ่งเหมือนจะไปปล้นน่ะ

ผู้สัมภาษณ์ : ครับ
คุณอนันต์ :
หนองบูรพารู้จักไหมปืน เราเข้าไปหยิบไปทุบกระจกแล้วเล็งปืนมาตลอดแต่ไม่ไม่ได้เพราะผมไม่

ผู้สัมภาษณ์ : ไม่คิดจะสู้ อันนั้นหลังจากการปราบแล้ว
คุณอนันต์ :
ไม่รู้สู้หรือป่าวอาจจะเป็นคนก็ได้ไม่รู้นะแต่ผมใจผมไม่เอาอยู่แล้ว ผมไม่เอาแล้วไอ้ป้อมอ่ะป้อมตำรวจฝั่งธนโรงบาลอะไรที่ดังๆโรงบาลตากสินอ่ะ มันจะมีป้อมอยู่ป้อมหนึ่งป้อมตำรวจก็จะมีขวานคู่หนึ่งมีคนไปหยิบขวานมา

ผู้สัมภาษณ์ : ขวานจริงๆที่
คุณอนันต์ :
อื่อมันเอาออกมาเลยแต่ผมไม่เอาผมแค่มองดูเฉยๆก็มันเป็นทรัพย์สินของหลวงทำไปมันถูกต้อง

ผู้สัมภาษณ์ : คือพี่ไปแล้วยึดรถเมล์แล้วไปกับรถเมล์คันนี้ใช่ป่าวแต่ไม่
คุณอนันต์ :
อ่าไม่ได้ยึดรถ ผมไปกับรถนั่งอยู่เต็มไปหมดนี่พวกเรานี่

ผู้สัมภาษณ์ : แต่หมายถึงรถก็เราเป็นคนขับ
คุณอนันต์ :
ผมไม่ใช่คนขับ

ผู้สัมภาษณ์ : หมายถึงพวกที่ชุมนุม
คุณอนันต์ :
ช่ายคุณเห็นข้างหน้าม๊ะนั่งค่อมเครื่องอยู่ข้างหน้าจะมีตรงคนขับมันจะมีเครื่องงี้ ผมก็นั่งอยู่ตรงนี้ข้างพวงมาลัยคนขับน่ะ

ผู้สัมภาษณ์ : ครับ
คุณอนันต์ :
ผมก็นั่งอยู่ตรงนั้นน่ะไปไหนก็ไปด้วย

ผู้สัมภาษณ์ : ตอนนั้นคือ คือทำไมถึงไปกับรถคันนั้น
คุณอนันต์ :
ก็มันเฮไหนก็เฮนั่นไง

ผู้สัมภาษณ์ : ครับ
คุณอนันต์ :
เอ้าพวกไปเราก็ไปอ่ะไม่รู้จักหรอก เราก็เฮ้ยมาจากไหนนี่ เฮ้ยคุณนักศึกษาไหมเราก็ควักบัตรนักศึกษาอยู่เขาก็บอกเขาพวกช่างกลพวกอะไรนั่น ไปกันตลอดแต่ผมก็ไม่ใช่นักบ๊งนักบู๊อะไรนะ

ผู้สัมภาษณ์ : ครับ
คุณอนันต์ :
ก็เฮไหนก็เฮนั่น

ผู้สัมภาษณ์ : ตอนนั้นเห็นการยิงหรือเห็นการตายที่ไหนบ้าง
คุณอนันต์ :
เห็นมีทหารยิงปืนขึ้นฟ้าลักษณะปืนประทับสะโพกเอียงปืนมุม 45 องศา และยิงเป็นชุด

ผู้สัมภาษณ์ : ตอนนั้นประมาณวันไหน 13 14
คุณอนันต์ :
จำไม่ได้ แต่ช่วงนั้นเป็นช่วงก็ไม่เช้ามากแล้วก็ไม่สายมาก

ผู้สัมภาษณ์ : ครับ
คุณอนันต์ :
มีคนโดนยิงหิ้วคนเจ็บวิ่งผ่านมาหน้าธรรมศาสตร์

ผู้สัมภาษณ์ : ฝั่งไหนฝั่งสนามหลวง
คุณอนันต์ :
ฝั่งหน้าประตูธรรมศาสตร์เลยที่ประตูธรรมศาสตร์เลย

ผู้สัมภาษณ์ : แต่ที่สนามหลวง
คุณอนันต์ :
แต่ที่สนามหลวง ผมเป็นคนวิ่งเข้าไปรับช่วงต่ออีกคนหามเปลสนามซึ่งมีคนถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัสที่แขนใต้รักแร้เข้าไปในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ผู้สัมภาษณ์ : ครับ
คุณอนันต์ :
หิ้วไปนี่โดนยิงตรงนี้

ผู้สัมภาษณ์ : จากนี่ไป
คุณอนันต์ :
ไม่รู้ทะลุป่าวแต่แขนนี่หมุนได้แล้วคนก็เป็นนี่อ่ะต้องเอาช้อนสเตนเหลดยัดเข้าไปในปาก

ผู้สัมภาษณ์ : อื่อ
คุณอนันต์ :
ผมหิ้ววิ่งตั้งแต่นี่หน้าธรรมศาสตร์

ผู้สัมภาษณ์ : เอาช้อนใส่ทำไม
คุณอนันต์ :
อ่าโหกัดลิ้นอ่ะ คืองัดปากแล้วก็เอาช้อนนี่เอาช้อนใส่แล้วก็งับไว้ แต่แขนนี่จำไม่ได้ข้างขวาหรือซ้ายเลือดพุ่งเลยนะผมได้ หิ้วกันสี่ข้างผมซ้าย ผมซ้าย ผมซ้าย ผมขาซ้ายอ่ะขาซ้ายเขาวิ่งจากหน้าประตูธรรมศาสตร์จากหน้าประตูแรกอ่ะมาจากไอ้นี่ฝั่งบางลำพูอ่ะ มันจะเปิดประตูแรกกับประตูสอง ผมวิ่งจากนั่นน่ะแล้วเข้าไปข้างในแล้วข้างในนี่มันจะเป็นมันจะเป็นคล้ายเตียงสนามมีเตียงยาวๆแล้วก็เอาคนนี่ไปวางวาง

ผู้สัมภาษณ์ : ตรงไหนของธรรมศาสตร์ในตึกหรือนอกตึกหรือ
คุณอนันต์ :
จะเรียกนอกตึกหรือในตึกผมไม่รู้แต่ว่ามันเป็นที่โล่งๆ อยู่ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์อ่ะมันจะเป็นที่โล่งยาวๆแล้วข้างหน้ามันจะเป็นเตียงยาวเลยอ่ะ

ผู้สัมภาษณ์ : เหมือนมีหลังคา
คุณอนันต์ :
อ่าช่ายช่าย

ผู้สัมภาษณ์ : มีหน้าจั่วออกมา
คุณอนันต์ :
แต่ไม่รู้เป็นตึกหรือป่าวน๊าคือนอนยาวเลย แล้วผมเอาคนเนี่ยไปวาง

ผู้สัมภาษณ์ : แล้วเปลสนามนี้ตอนนั้นได้มาจากไหน
คุณอนันต์ :
ไม่รู้แต่ผมก็มีวิ่งนิ

ผู้สัมภาษณ์ : มีคนอื่นเอามา
คุณอนันต์ :
แต่ผมวิ่งจับนี่มันเป็นเปลสนามนี่คนงี้

ผู้สัมภาษณ์ : คนนอน
คุณอนันต์ :
มันนอนงี้ไงแล้วแขนนี่ผมเห็นเลือด เสื้อผมยังติดเลือดเลยแล้วก็มีพวกนักเรียนมาถามจะเอาเสื้อผมผมบอกไม่รู้เสื้อตัวนั้นไปไหนแล้ว เสื้อขาวแขนยาวที่ผมใส่ชุดนักศึกษา

ผู้สัมภาษณ์ : ครับ
คุณอนันต์ :
ผมวิ่งเข้าไปหิ้วเขานิ่

ผู้สัมภาษณ์ : ตอนนั้นนี่เห็นคนยิงไหมครับ
คุณอนันต์ :
หึเห็นแต่ตอนนั้นที่หน้านั่นน่ะทหารเยอะ ทหารเริอด้วยมั้งผมเคยคับคล้ายทหารเรือตอนนี้นิ่แต่ว่าเขาไม่ได้ยิงเรานะ คือพวกเรานี่พอเข้าไปประจัญหน้ามากๆนี่เขาจะเดินกดดันคือกดดันเขาจะเอาปืนนี่เหมือนกับคัดที่เลยเขายืนนะไม่ได้นั่งจะทับที่นี่จนแล้วก็ยิงขึ้นฟ้า แล้วยิงทีหนึ่งเป็นชุดนี่เราก็ถอยมาทีหนึ่ง

ผู้สัมภาษณ์ : อื่อ
คุณอนันต์ :
เป็นเกาะกลาง

ผู้สัมภาษณ์ : ตอนนั้นประมาณตรงไหนครับตรงจุดไหน
คุณอนันต์ :
เด๋วๆๆๆๆๆ ไม่รู้ผมวาดถูกหรือป่าว

ผู้สัมภาษณ์ : พี่จะวาดแผนที่ไหมใช้แผนที่นี่ได้นะ
คุณอนันต์ :
ไม่ไม่ ผมจะวาดนี่อย่างงี้ๆๆนี่ธรมมศาสตร์นะ

ผู้สัมภาษณ์ : ครับ
คุณอนันต์ :
แล้วนี่สนามหลวงตอนนั้นผมไม่รู้ว่าสะพานข้ามยัง

ผู้สัมภาษณ์ : ครับสะพานปิ่นเกล้า
คุณอนันต์ :
ผมไม่รู้ข้ามหรือยังอันนี้ที่เก่าแล้วก็จะมีตรงนี้อีกอันหนึ่ง ตรงนี้ที่นั่งเก่ามันจะมีถนนตรงนี้อีกอันหนึ่ง ถนนที่ยาวถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย นึกภาพออกไหม นี่สนามหลวงนะ นี่ธรรมศาสตร์นี่

ผู้สัมภาษณ์ : ราชดำเนิน
คุณอนันต์ :
ผมได้หิ้ว อื่อราชดำเนินนี่อันนี้ที่เก่าๆ อันนี้พระแม่มวยผม

ผู้สัมภาษณ์ : ครับ
คุณอนันต์ :
อันนี้ปราสาทพระนางเก่าคนตรงนี้นะจะมีคนอยู่นี่เยอะเลยแล้วปืนข้างบนนี้เป็นคนยิงลงมาข้างล่าง

ผู้สัมภาษณ์ : อื่อ อย่างงี้เอง
คุณอนันต์ :
แต่ไม่รู้แต่ไม่รู้ว่าเป็นใคร ผมนี่นี่ยึดรถเมล์นี่แล้วขึ้นมาขวางตรงนี้นี่ นี่พูดแล้วยังขนลุกเลยนะ ขึ้นมาขวางนี่แล้วมันยิงเข้ามาตลอดเลยเนี่ย เนี่ยผมเนี่ยพวกผมเนี่ยปิดรถเมล์แล้วก็บังงี้ แล้วมีทหารชุดหนึ่ง

ผู้สัมภาษณ์ : เราเข็นรถเมล์แล้วเอารถบังเรา
คุณอนันต์ :
อ่าเอารถบัง ข้างบนนี่มันยิงลงมาข้างล่างยิงมาเลยอ่ะ แล้วไอ้ช่วงนี้มันจะทหารเรืออยู่

ผู้สัมภาษณ์ : ครับ
คุณอนันต์ :
นี่ก็ตั้งแถวงี้เลยทหารก็ทับปืนมางี้ตรงนี้ทับปืน

ผู้สัมภาษณ์ : ประมาณอีกกี่ก้าว
คุณอนันต์ :
อื่องี้แล้วมันเข้ามากดดันงี้ แล้วมันยิงขึ้นฟ้ามาเราก็ถอยร่นมาตลอด แล้วช่วงนี้มีเกาะกลางอยู่แล้วพอยิงมาทีนะเราก็มาเอาเกาะกลาง เกาะกลางนี่มันไม่สูงนะค่อนข้างจะเป็นเนินนิดเดียวตรงแยกพระแม่มวยผมอ่ะ

ผู้สัมภาษณ์ : ครับผม
คุณอนันต์ :
แล้วมันไม่รู้เป็นงี้ แล้วทีนี้มันมีเหตุการณ์มีตำรวจปลอมตัวเข้ามา

ผู้สัมภาษณ์ : ครับ
คุณอนันต์ :
ช่วงนี้นี่ที่ตำรวจที่ปลอมตัวเข้ามาโดนอัดเละเลย

ผู้สัมภาษณ์ : ที่สนามหลวง
คุณอนันต์ :
อ่าสนามหลวง แล้วที่ตรงนี้ผม

ผู้สัมภาษณ์ : แล้วเรารู้ได้ไงว่าเป็นตำรวจอ่ะครับ
คุณอนันต์ :
เขาก็บอกเลยว่าไอ้นี่ตำรวจปลอมตัวมาแล้วก็มีคนรุมประชาทัณฑ์นะแล้วก็มีพระสงฆ์เข้ามาอุ้ม เข้ามาโอบคนนี้คนที่โดนประชาทัณนี่ไม่ให้ทำผมเห็นกับตานะแล้วผมโดนแก๊สน้ำตานะ โดนบริเวณนี้

ผู้สัมภาษณ์ : แล้วเรารู้ไหมครับว่าแก๊สน้ำตาที่ยิงมานี่ยิงมาจากที่ไหน
คุณอนันต์ :
ไม่รู้ไม่รู้ แถวนี้จะเป็นสนหมดเลยต้นไม้ สนามหลวงจะเป็นต้นไม้ล้อมรอบหมดตอนนั้น

ผู้สัมภาษณ์ : อ๋อนี่สมัยก่อนไม่มีต้นมะขามหรอครับ
คุณอนันต์ :
ไม่รู้ต้นสูงอ่ะ พอมายืนบัง

ผู้สัมภาษณ์ : ต้นไม่ใหญ่
คุณอนันต์ :
อ่าพอมายืนบังนี่ไอ้ใบไม้ช่วงบนนี่ร่วงระนาวเลยเนี่ยล่วงระนาวเลย แล้วเนี่ยผมโดนแก๊สน้ำตาตรงนี้เนี่ยที่ธรรมศาสตร์นี่ที่โรงนี้แล้วมันจะเป็นเตียงเลยนะ

ผู้สัมภาษณ์ : อ้อสนามบอล
คุณอนันต์ :
ไม่รู้ผมไม่รู้แล้วผมก็วิ่งเข้าไปนี่แล้วคนนี่ก็วางนี่

ผู้สัมภาษณ์ : หน้าหอประชุมใหญ่
คุณอนันต์ :
เนี่ยวิ่งเข้ามานี่แล้วก็วางนี้

ผู้สัมภาษณ์ : อื่อตรงหน้าหอประชุมใหญ่แล้วคือพยาบาลนี้มาจากไหน
คุณอนันต์ :
ไม่มี

ผู้สัมภาษณ์ : พอรู้ไหม มีแต่เตียง
คุณอนันต์ :
อ่าที่ผมเห็นนะไม่มีพยาบาล ไม่เห็นพยาบาล

ผู้สัมภาษณ์ : แล้วมีคนรักษาหรือคนดูอาการไหม
คุณอนันต์ :
ก็ไม่รู้นี่จำไม่ได้นี่ แต่ที่จำได้นี่หิ้วคนเจ็บไปวางไว้นี่

ผู้สัมภาษณ์ : อันนี้เตียงเรียงๆๆๆๆๆ
คุณอนันต์ :
อ่าใช่หลังจากนั้นไม่นานเนี่ย ข่าวข้างในนี้มันบอกว่าให้ออกจากธรรมศาสตร์เพราะว่าจะมีทหารเข้ามานี่เข้ามาสลายการชุมนุมที่ธรรมศาสตร์ ผมก็วิ่งออกมา

ผู้สัมภาษณ์ : แล้วนอกจากนอกจากเตียงผู้ป่วยเนี่ยมีการจับกลุ่มการชุมนุมอื่นย่อยๆในธรรมศาสตร์อีกไหมครับ
คุณอนันต์ :
ก็มีประปรายนะประปรายๆกันไป

ผู้สัมภาษณ์ : ครับ
คุณอนันต์ :
เพราะว่าช่วงที่ผมเห็นนี่ช่วงหลังนี่ที่มันทะลุก็เห็นมีคนวิ่งไปวิ่งมาเหมือนกัน

ผู้สัมภาษณ์ : ตรงสนามฟุตบอล
คุณอนันต์ :
อ่าๆ ช่วงนั้นอ่ะเราก็ไม่รู้

ผู้สัมภาษณ์ : แล้วก็พี่ไปกับรถไปกับไร
คุณอนันต์ :
อ่าถูกต้องส่วนมากก็ไปกับรถแล้วช่วงนี้ที่ผมอยู่หน้าอนุสาวรีย์นี้ ร้านสอนแดงคนงี้เต็มไปหมดดึกๆดื่นนี้มันมีผู้หญิงสองคนชื่อว่าไรไอ้ที่อ้วนๆน่ะ

ผู้สัมภาษณ์ : อ่า
คุณอนันต์ :
ใส่แว่นชื่อไรไม่รู้

ผู้สัมภาษณ์ : เสาวนีย์
คุณอนันต์ :
อ่านั่นแหละอภิปรายตลอดแล้วผมก็นอนอยู่ตรงนี้นี่

ผู้สัมภาษณ์ : แล้วตอนนี้ถนอม ณรงค์ ประภาสออกจากธรรมเนียบไปนี่พี่รู้ข่าวไหม
คุณอนันต์ :
รู้

ผู้สัมภาษณ์ : รู้จากการ
คุณอนันต์ :
สื่อ

ผู้สัมภาษณ์ : อื่อก็คือมารู้ทีหลังแล้วแต่จากการ เข้าใจว่าช่วงที่ออกนี่คือตอนที่มีการวุ่นวายนี้ก็คือตอนนั้นยังไม่รู้
คุณอนันต์ :
ยัง ยังไม่รู้

ผู้สัมภาษณ์ : แล้วตอนที่มีการตั้ง ตั้ง ตั้งเอ่อ สัญญา ธรรมศักดิ์ เป็นนายก
คุณอนันต์ :
รู้

ผู้สัมภาษณ์ : ตอนนั้นรู้ได้
คุณอนันต์ :
ตอนนั้นรู้ได้อยู่ๆ ฟังข่าวอยู่ที่หอพักเดิมอยู่

ผู้สัมภาษณ์ : ก็คือตอนนั้นก็คือกลับไปที่หอแล้ว
คุณอนันต์ :
อ่าหอพักเดิมตอนนั้นยังเป็นหอพักเดิม

ผู้สัมภาษณ์ : แล้วตอนคือพี่ก็รู้ว่าถนอมออกไปก่อนที่จะมีการแต่งตั้งสัญญา
คุณอนันต์ :
ใช่ใช่

ผู้สัมภาษณ์ : ตอนนั้นรู้สึกไงบ้างครับ ตอนที่รู้ว่าว่าณรงค์ ถนอม ณรงค์ ประภาสออกไปแล้ว
คุณอนันต์ :
รู้สึกยังไงหรอ ไม่รู้พูดไง ผมรู้สึกเฉยๆนะตอนนั้นเรื่องการเมืองผมไม่ค่อยรู้เรื่อง เฉยธรรมดา

ผู้สัมภาษณ์ : อ่ะผมถามย้อนนิดหนึ่งเอาความรู้สึกตอนนั้นนะพี่กลัวไหมตอนนั้นพี่ไม่กลัว
คุณอนันต์ :
ก็กลัวคนเรานี่ทุกคนทำกันนี่ที่มาชุมนุมกันนี่มันช่วยมันอะไรอ่ะ มันก็เหมือนมีกำลังใจอ่ะ ช่วยๆกัน อันนี้คนเจ็บนะ อันนี้โดนยิงนะอะไรต่างๆมันก็ช่วยกันอะไรกันก็เหมือนกับผมว่ามันเป็น มันเป็นอะไรอ่ะมันเป็นสเปซของวัยรุ่นอ่ะอาจจะเป็ฯช่วงเด็กช่วงผู้ใหญ่เอ้ยช่วงโต แล้วก็ช่วงวัยรุ่น ช่วงคนแก่

ผู้สัมภาษณ์ : ครับ
คุณอนันต์ :
ถ้าช่วงนี้มีอะไรเข้ามากระทบก็ถึงไหนถึงกันอะไรอย่างงี้แต่เราไม่คิดเรื่องประชาธิปตงธิปไตยอะไรแต่นี่ดีเยอะตรงนี้มันมีไอ้นี่อ่ะ

ผู้สัมภาษณ์ : ครับ
คุณอนันต์ :
ขวางระเบิดเพลิงมาก็ตรงนี้แหละตรงนี้มีรถถังอยู่

ผู้สัมภาษณ์ : แถวๆ หน้ารัตนโกสินทร์
คุณอนันต์ :
อ่าๆ นี่มีรถถังอยู่คันเนี่ย

ผู้สัมภาษณ์ : อ้อ
คุณอนันต์ :
เขยิบหน้าเขยิบหลังอยู่เรื่อย

ผู้สัมภาษณ์ : แต่หมายถึงก็รถถังก็ไม่ได้ยิงไม่ได้อะไรจอด
คุณอนันต์ :
ไม่จอด

ผู้สัมภาษณ์ : ขับไปขับมา
คุณอนันต์ :
อ่าเขาเลื่อนอ่ะ ถ้ายังก็ไม่เหลือกันเยอะเพราะตรงนี้คนมันเต็มไปหมด มันไม่มีแบบพรืดมาล้มแล้วเรียงหน้านี่ มันไม่มีใครล้มนี่ ไอ้คนที่ผมหิ้วอ่ะผมไม่รู้ใครเป็นคนยิงด้วยมันมาจากไหนผมก็ไม่รู้ จำไม่ได้ด้วยรู้แต่ว่าเขา

ผู้สัมภาษณ์ : พุ่งมาจากแถวฝั่งทิศเหนือของสนาม
คุณอนันต์ :
อ่า เราเข้าไปหยิบเปลไอ้ตรงนี้อ่ะ ช่วงขาซ้ายของเขาอ่ะ

ผู้สัมภาษณ์ : ครับ
คุณอนันต์ :
ก็ก่อนที่เข้าไปหิ้วนี่คือมันมีอยู่ช่วงหนึ่งคล้ายๆกับว่ามันหิ้วไอ้คนนี้มาแล้วแล้วไอ้คนที่วิ่งน่ะมันเหนื่อย

ผู้สัมภาษณ์ : อ๋อ
คุณอนันต์ :
แล้วเราก็ไปรับช่วงต่ออะไรทำนองนั้น แต่ช่วงที่เราเห็นสภาพนี่ไอ้มันหน้าบูดหน้าเบี้ยว แล้วก็มีนี่ช้อนสแตนเหลดคีบอยู่แล้วผมก็เห็นแขนนี้เลือดเสื้อผมยังเปื้อนเลือดอยู่เลย

ผู้สัมภาษณ์ : พี่ได้รู้จักใครในนั้นไหมหมายถึงยังได้ติดต่อแล้วเพื่อน เพื่อนคนอื่นๆพอจะทราบไหมครับว่าเพื่อนห้าคนที่ไปด้วยกันนี้อยู่ในเหตุการณ์หรือป่าวอะไรนี้
คุณอนันต์ :
อยู่ในเหตุการณ์

ผู้สัมภาษณ์ : หมายถึงอยู่ช่วงที่ปะทะ
คุณอนันต์ :
ไม่อยู่เพราะผมก็อยู่หลังจากครั้งหนึ่งที่หน้าธรรมศาสตร์นี่ ก็ไปกันหลังจากกลับบ้านมาผมก็ลุยคนเดียวตลอด

ผู้สัมภาษณ์ : แล้วทีนี้พอกลับที่หอได้คุยกับเพื่อนที่หอมั้งไหม
คุณอนันต์ :
ก็มีมั้งนะ ก็น้อง

ผู้สัมภาษณ์ : แต่เขาไมได้ออกไปด้วยกันช่วงหลัง
คุณอนันต์ :
ก็ไม่รู้ แต่ว่าช่วงไอ้นี่ช่วงกลับมาอาบน้ำอาบท่าเนี่ยก็ช่วงเช้าๆก็ได้ยินเสียงปืนตลอดนะ ได้ยินเสียงปืนทีผมก็กลับไปนี่ข้ามฟากไปนี่ ฟากถนนไอ้นี่เอ้ยฟากเรือนี่ไม่มีเก็บตังค์

ผู้สัมภาษณ์ : ตรงท่าพระจันทร์
คุณอนันต์ :
อ่าฟรีตลอด

ผู้สัมภาษณ์ : หมายถึงช่วง เฉพาะช่วงนั้น
คุณอนันต์ :
อ่าช่วงนั้นก็ผมจ้องห้าม ผมเสื้อเปื้อนเลือดอยู่เลย เสื้อขาวตอนนั้นนี่เสื้อขาวแขนยาว

ผู้สัมภาษณ์ : แล้วหลังเหตุการณ์แล้ว หลัง พอสถานการณ์มันเริ่มคลี่คลายเริ่มอะไร พี่ได้ออกไปดูพื้นที่ตรงนั้นไหมครับช่วงวันแรกสองวันแรกหลังจากเหตุการณ์
คุณอนันต์ :
ไม่เคย

ผู้สัมภาษณ์ : แล้วพี่ทำงานที่มหาลัยแล้วเพื่อนที่มหาลัยเขารู้ไหมครับว่าเราได้ไปมา
คุณอนันต์ :
ไม่มี

ผู้สัมภาษณ์ : ก็ไม่ได้คุยไม่ได้อะไร
คุณอนันต์ :
ไม่มีไม่มี

ผู้สัมภาษณ์ : ชีวิตพี่เปลี่ยนไหมครับหลังจากผ่านเหตุการณ์นี้
คุณอนันต์ :
เปลี่ยนอะไรล่ะ

ผู้สัมภาษณ์ : หมายถึงว่าสนมจไปร่วมทำกิจกรรมอื่นๆ อีกไหม
คุณอนันต์ :
กิจกรรมนี้ไม่มีแต่ผมก็ติดตามข่าวสารมาตลอด

ผู้สัมภาษณ์ : จากที่เมื่อก่อนไม่ได้ไอ้นี่
คุณอนันต์ :
อื่อๆ ใช่ๆ ผมก็ติดตามมาเรื่อยอ่านหนังสือพิมพ์มติชนมาตลอด ถ้าถามเรื่องการเมืองตอนนี้ก็รู้เยอะก็ยังติดตามอยู่

ผู้สัมภาษณ์ : อื่อ ครับผมแล้วแต่หลัง 14ตุลาแล้วมันก็จะมีการเคลื่อนไหวมีอะไรหลายอย่างเลย
คุณอนันต์ :
ครับ

ผู้สัมภาษณ์ : แต่ก็ไม่ได้เข้าไปอะไร
คุณอนันต์ :
ผมไม่เอาเลยจากที่ตอนนั้นผมกลัวผมก็ไม่ยุ่ง อย่างปี 35 พฤษภาผมก็ไม่ได้เข้าไปยุ่ง

ผู้สัมภาษณ์ : ทำไมถึงไม่เข้าไปยุ่ง
คุณอนันต์ :
มันเหมือนยังไงอ่ะ มันเหมือนคนสองกลุ่มแย่งกันเองมันไม่ไดทำเพื่อตัวเองอ่ะไม่ได้ทำเพื่อชาติเพื่อไรนี่ถึงแม้ปัจจุบันก็ตามอ่ะ คุณคิดเอาเองอ่ะเสื้อแดงกับเสื้อเหลือง คนสองกลุ่มชนกันทะเลาะกัน ขัดแย้งกัน แล้วเอามวลชนไปสู้กัน ถูกต้องไหมอ่ะ ไม่รู้ๆผมคิดเงี่ยฉะนั้นคนเสื้อเหลืองทำได้คนเสื้อแดงก็ต้องทำได้ถูกต้องไหมอ่ะ คุณจะไปห้ามคนเสื้อแดงเขาได้ไงอ่ะ ผมไม่เข้าข้างใครอ่ะ เสื้อเหลืองก็ผิดเสื้อแดงก็ผิดแล้วก็แอ๊บใครอ่ะ ก็ไม่รู้ว่าแอ๊บใครอ่ะคนมันขัดแย้งกันอ่ะก็เอามวลชนสู้กันอ่ะ

ผู้สัมภาษณ์ : ใครอ่ะ
คุณอนันต์ :
ห่ะ บอกไม่ได้คิดๆ ซิ มันมีแบกอัพอยู่

ผู้สัมภาษณ์ : ทั้งสองฝ่าย
คุณอนันต์ :
สองฝ่ายมีแบล็คอัพอยู่ไม่มีใครรักชาติจริง ผมจะบอกให้นะไม่มีใครรักชาติเพราะคนรักชาติจริงเขาไม่ทำกันแบบนี้หรอกเพราะว่าเสื้อเหลืองเสื้อแดงทั้งนั้นนี่ก็ดูเองพรรคๆพวกรู้ผมว่าคุณน่ะรู้ มันจะมาแก้อีกทำไมรัฐธรรมนูญ ใช่ม๊ะคนไม่ดีไปแก้ที่คนดิไปแก้ที่รัฐธรรมนูญทำไม

ผู้สัมภาษณ์ : ครับ
คุณอนันต์ :
รัฐธรรมนูญนี่คุณไม่ต้องเขียนมากหรอกสี่ห้ามาตราก็ได้สำคัญคนนี่ปฏิบัติได้ป่าว

ผู้สัมภาษณ์ : ครับ
คุณอนันต์ :
ใช่ป๊ะ แล้วชาตินะเมืองไทยนะเป็นอยู่แบบนี้ไม่มีเจริญจะไปเจริญได้ไง มีทางเดียวที่จะเจริญได้คุณต้องปั้นเจเนเรชั่นรุ่นหลังๆนี่ให้มีการศึกษา ไม่ต้องแห่แก้นู่นแก้นี่มาตรานู้นไม่ดี 91 90ไม่ดีใช้ไม่ได้ 237 ใช้ไม่ได้ไม่ต้องคุณจะสร้างไงทำถูกต้องหรอ เบื้องล่างงี้เป็นงี้หรอคุณต้องมองกลับไปที่ตัวเองใช่ม๊ะ

ผู้สัมภาษณ์ : ครับ
คุณอนันต์ :
คนมันไม่ดีเองไม่ใช่รัฐธรรมนูญมันไม่ดี หนังสือบทบัญญัติตัวกฎหมายนี่เขียนยังไงมันก็มีช่องอยู่ผมเรียนกฎหมายมาผมรู้ดี อาจารย์เขาเป็นคนสอนเขียนยังไงก็เขียนไม่ได้หรอกบังคับให้คนอยู่ในกรอบ ไม่มีทางยิ่งเมืองไทยยิ่งไม่มีทาง คุณนึกอะไรนักกฎหมายนะ ถามจริงวัตถุประสงค์นักกฎหมายที่เรียนมาเพื่ออะไร หาตังค์คุณไม่มีไรหรอก หาตังค์ทั้งนั้นแหละทำให้วิชามันอยู่เบื้องหลังไม่มีทาง ทนายบางคนเบื้องเต็มไปด้วยยาเสพติดอ่ะ ศาลเบื้องต้นตัดสินอ่ะคุณจะอุทรณ์ไม่อุทรณ์อ่ะเอาตังค์มาก่อน

ผู้สัมภาษณ์ : ครับ
คุณอนันต์ :
เขาไม่ได้มองเป้าเลยไอ้คนนี้มันคนถูกคนไอ้นี่หรือเปล่าผิดจริง คนผิดจริงก็พยายามให้ผิดน้อยหรือไม่มันผิด ทนายหรือใครก็แบบนี้ทั้งนั้นไม่งั้นจะรวยล้นฟ้าหรือทนายอ่ะ เพื่อนผมอ่ะทนายเยอะผมยังด่ามันเลย แม้อ่านสำเนารูปความหน่อยนู่นแน่ะ 10 บาทกี่ร้อยเท่าตัวใช่ม๊ะ

ผู้สัมภาษณ์ : แล้วหลังจานั้นนี่ ผมย้อนนิดหนึ่งพี่ หลังจาก 14 ตุลาบรรยากาศการเมืองมันเปิดมากขึ้นไหม
คุณอนันต์ :
อื่อ

ผู้สัมภาษณ์ : หนังสือหนังหาอะไรงี้ พี่ได้เข้าไปติดตามข่าวการเมืองฟังเสวนาติดตามข่าวการเมืองเข้าไปทำกิจกรรม
คุณอนันต์ :
ไม่มิอ่ะ ไม่มี

ผู้สัมภาษณ์ : แต่ว่าหนังสือเป็นเล่มอะไรงี้ อย่างพี่อ่านหนังสือพิมพ์ก็อย่างพี่อาจจะชอบการอ่านอะไรงี้พวกนังสือเป็นเล่ม พวกพอกเก็ตบุ๊คอะไรออกมาเยอะแยะ
คุณอนันต์ :
ก็มีพวกนี่ที่เกี่ยวกับลัทธิอะไรนี่เก่าๆนี่ที่เสกสรรมันอ่านอ่ะ ก็มีพวกลัทธิมาร์กซิสต์บ้างอะไรบ้าง

ผู้สัมภาษณ์ : ทำไมพี่ถึงไปอ่าน
คุณอนันต์ :
ก็เห็นเขาอ่านก็อยากอ่านบ้าง ไม่รู้อะไรมาก คำที่เขาใช้มันเป็นศัพท์เป็นสำนวนของเขาอ่ะเราไม่มีไอ้นี่เราอ่านแล้วเราไม่กระจายมันออก ก็เหมือนกับนักการเมืองบางคนพูดอ่ะ พูดบางทีเรายังไม่รู้เรื่องพูดอย่างไทยให้คนไทยฟังไม่รู้เรื่องหรอกพูดอะไรของมันเสียเวลาไป ไอ้เราก็หัวไม่ถึงขนาดนั้นหรอกแต่ว่า 14 ตุลานี่นะแม่ผมยังอยู่นะตอนนี้77นะแม่ผมยังเข้ามานะแม่ผมยังบอกว่าตอน เข้ามาอยู่เจ็ดวันตอนวันที่14 นะ 14 ตุลานี่ขายข้าวต้มหงานะออกพรรษานะ ศิริราชหลัง14ตุลา 16 นี่นะแม่ผมขายข้าวต้มหงาเข้ามาน๊า เขาเห็นเหตุการณ์หนึ่งหน้ากองปราบตึกสามร้อยยอด

ผู้สัมภาษณ์ : ครับ
คุณอนันต์ :
คุณนึกภาพออกใช่ม๊ะ กองปราบเก่า

ผู้สัมภาษณ์ : ตรงราชดำเนิน 4
คุณอนันต์ :
คลองถมๆคลองถม กองปราบเก่าคลองถมตรงนั้นใกล้คลองเกษมอ่ะใกล้คลองเกษมอ่ะ ตรงเวิ้งอ่ะตรงนั้นแหละเขาเห็นรถกะบะบรรทุกนะ คุณเคยเห็นรถกะบะบรรทุกแบบนี้ไหมที่ไอ้ข้างหน้าเห็นไม้ข้างหน้าเป็นพื้นไม้หมดนะแล้วไอ้หัวนี่หัวเป็นรถบรรทุกนี่น๊า

ผู้สัมภาษณ์ : ครับ
คุณอนันต์ :
ข้างหน้าพื้นไม้นะแล้วตรงนี้มันจะเป็นไม้ครึ้งท่อน

ผู้สัมภาษณ์ : อ้อ
คุณอนันต์ :
ที่บังอ่ะที่บังสี่อันน่ะไปมันไม่สูงนะประมาณศอกเศษๆ

ผู้สัมภาษณ์ : ครับ
คุณอนันต์ :
คนนี้คนในนี้นักศึกษาเต็นเลยถือกระบองวิ่งจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยนี่ไปทางบ้านหม้อ นึกภาพออกไหม

ผู้สัมภาษณ์ : หมายถึงรถ
คุณอนันต์ :
วิ่งกลับมาไม่มีคนแล้วช่วงนั้นช่วงประมาณสิบโมง

ผู้สัมภาษณ์ : แล้วแม่ของพี่นี่เข้ามากรุงเทพ
คุณอนันต์ :
เข้ามาหาญาติเขา

ผู้สัมภาษณ์ : หมายถึงว่าผ่านมาทางนี้
คุณอนันต์ :
ไม่ได้ผ่านเพราะว่าบ้านญาติเขานี่อยู่ที่ อยู่ที่ไอ้วัดสุทธิเอ้ยวัดไอ้นี่วัดสุทัศน์อ่ะ

ผู้สัมภาษณ์ : ครับ
คุณอนันต์ :
ตรงวัดสุทัศน์นะตรงนั้นเลยแม่ผมยืนอยู่หน้าปากซอยเลย อ่าตรงนั้นเลย

ผู้สัมภาษณ์ : รถวิ่งไปทางอนุสาวรีย์
คุณอนันต์ :
จากอนุสาวรีย์ไปทางบ้านหม้อ

ผู้สัมภาษณ์ : ไปทางบ้านหม้อ แล้วขากลับล่ะ
คุณอนันต์ :
ไปทางที่เป็นไอ้นี่อ่ะ ทางพาหุรัดอ่ะ

ผู้สัมภาษณ์ : ครับ
คุณอนันต์ :
นี่คนในนี้เต็มเลยนักศึกษาเกงดำเสื้อขาวถือไม้หน้าสามสีขาวคล้ายๆพองลูกเสือเห็นไหม แล้วมีเชือกร้อยแล้วคล้องมือไว้นี้ เต็มเลยแล้วขากลับไม่มีคน

ผู้สัมภาษณ์ : พี่คิดว่าเกิดอะไรขึ้น
คุณอนันต์ :
ไม่รู้ไม่คิดแม่ผมเล่าให้ฟัง

ผู้สัมภาษณ์ : แล้วที่โอเค แล้วที่บ้านรู้ไหมครับว่าพี่ได้เข้าไปร่วมไปอะไรยังไง
คุณอนันต์ :
ที่บ้านรู้ไหม

ผู้สัมภาษณ์ : หลังจากเหตุการณ์งี้
คุณอนันต์ :
มีคนที่อยู่ในเหตุการณ์นี้คนหนึ่งบ้านติดกับผมเป็นรุ่นพี่ผม

ผู้สัมภาษณ์ : บ้านพี่ที่ฉะเชิงเทรา
คุณอนันต์ :
อ่าที่ฉะเชิงเทรานี่เขาเห็นผมแล้วเขาก็บอกกับผมว่านี่ให้ผมนี่กลับบ้านอย่ามาร่วมชุมนุม เขาเจอผม เขาๆๆแล้วก็กลับบ้านนอกแล้วเขาก็ไปบอกกับแม่เขา แม่เขากับแม่ผมนี่สนิทกันเอะเองไปบอกไอ้อ๋อยด้วยนะว่าให้กลับไปซะเขามีเรื่องชุมนุมกัน แม่ผมก็มายอกผม

ผู้สัมภาษณ์ : เพื่อนคนข้างบ้านพี่ที่เป็นคนข้างบ้านนี่เป็นนักศึกษาหรือว่าไง
คุณอนันต์ :
อ่าตอนนี้เขาเป็นอาจารย์พิเศษสอนนักศึกษาอยู่ เขาเป็นนักเรียนจุฬาเก่า ตอนนี้เท่าไหร่ผม56 เขารู้สึกน่าจะเกษียณปีนี้

ผู้สัมภาษณ์ : ครับผมแล้วพอๆ แม่พี่รู้แล้วนี่เขาทำไง
คุณอนันต์ :
เขาก็ร้องไห้เลย

ผู้สัมภาษณ์ : อันนั้นคือหลัง อันนั้นคือหลังจากวันที่14 แล้วเขารู้เรื่อง
คุณอนันต์ :
อ่าใช่เข้ามากรุงเทพวันที่ 14 แต่เขารู้ก่อน 14 เพราะว่าวันที่ 14 นี่แม่บอกว่าเขาออกข่าวว่าเหตุการณ์มันจะสงบก็เลยมาเยี่ยมญาติที่กรุงเทพอ่ะ แต่ตอนนั้นมันยังไม่มียิงไงมันก็มีอย่างงี้ อาจจะมีรถพวกนี้วิ่งเพ่นพ่านแต่ก็ยังไม่มียิงอะไร

ผู้สัมภาษณ์ : โอเคก็คือยังกันวันที่ 15 แต่คือพี่เจอกับคนนี้ก่อนอีก
คุณอนันต์ :
ก่อนดิก่อนอีกก่อนที่แม่ผมจะเข้ากรุงเทพเพราะช่วงหลังนี่มีเจอะไอ้นี่นี่มาบอกให้ฟังว่าให้ผม ไล่ให้ผมกลับบ้านบอกถ้าไปเจอมันบอกให้มันกลับบ้านซะเด๋วอีกหน่อยเด๋วจะตายอะไรไง แต่มารู้ว่าผมมารู้เมื่อเหตุการณ์มันสงบอ่ะ

จบการสัมภาษณ์