Hollister France

Hollister France

Hollister France

Hollister France

Hollister France

Hollister

Hollister

Hollister

Hollister

Hollister

Hollister

Hollister

Woolrich Outlet

Woolrich

hogan

hogan

hogan

Hogan Sito Ufficiale Hogan Scarpe Hogan Outlet Hogan Scarpe Hogan Hogan Scarpe Hogan Interactive Hogan Donna Scarpe 2013 Hogan Scarpe Outlet Hogan Vendita Hogan Hogan Scarpe 2013 Hogan Scarpe Hogan Scarpe Hogan Hogan Outlet Hogan Scarpe Outlet Hogan Scarpe Donna Hogan Scarpe Hogan Outlet Scarpe Hogan Hogan Sito Ufficiale Scarpe Hogan2013 Hogan Hogan Scarpe Donna Hogan Scarpe Donna Hogan Interactive Hogan 2013 Hogan Online Hogan Italia Hogan Scarpe
woolrich ASK Hollister Hollister abercrombie abercrombie abercrombie abercrombie woolrich parka Hollister Holliter France Hollister Hollister France Magasin Vetement Hollister Hollister Soldes Hollister Pas Cher Pas Cher Hollister Hollister Vente Hollister En ligne Hollister 2013 Hollister France Hollister France 2013 Hollister Hollister Hollister Magasin Hollister Vente Hollister Homme Hollister Pas Cher Hollister T Shirts Hollister Paris Boutique Hollister Vetements Boutique Hollister Pas Cher Pas Cher Hollister Hollister Hommes Hollister France Vente Hollister Hollister sortie 2013 Pas Cher Hollister Hollister Pas Cher

บทสัมภาษณ์ - อเล็กซ์ (อดิเทพ) ศุภจิตรา
วันที่ : 6 พฤษภาคม 2552 เวลา : 14.20 น.
สถานที่ มูลนิธิสิบสี่ตุลา
ผู้สัมภาษณ์ : โชติศักดิ์ อ่อนสูง , สมิทธิ์ ถนอมศาสนะ
ตามโครงการของมูลนิธิ 14 ตุลา ในการรวบรวมปากคำของคนที่อยู่ในเหตุการณ์ เพื่อจัดทำเป็นฐานข้อมูลเพื่อการศึกษาต่อไป


ผู้สัมภาษณ์ : ก่อนอื่นก็ขอรบกวนให้พี่ช่วยเล่าประวัติส่วนตัวให้ฟัง นะครับ
คุณอเล็กซ์ :
ผมเกิดที่รงพยาบาลวชิระนะครับ คุณแม่เป็นคนจน เขาก็คุยกับหมอ หมอคนนี้เขาก็เลยเอาผมมาเลี้ยง หมอคนนี้เขานามสกุล อิสรางกูร ณ อยุธยา แล้วก็มาเลี้ยงที่วังหลัง แต่ก่อนเป็นวังหลัง คนข้างจะลำบากตั้งแต่เล็กจนโต แต่เขาก็ดีนะครับ เขาก็เลี้ยงเรามาจนโต

ผู้สัมภาษณ์ : ลำบากนี่ หมายถึงอย่างไรครับ
คุณอเล็กซ์ :
ต้องทำงานหมดครับคุณ ต้องทำทุกอย่าง แบก หาบน้ำไปใส่ตุ่มแล้วตุ่มสมัยก่อนใบใหญ่มาก และก็ถูบ้าน ดูแลบ้าน รีดผ้าให้เรียบ เรียนหนังสือเขาก็ส่งให้เรียนนะ ก็ดี และก็ถูกตีถูกใส่ร้าย ในบ้านมีเด็กอยู่ 5 คนและเขาก็รวมกลุ่มกันได้ เขาก็แกล้งเรา ชวนชกมวยอะไรอย่างนี้ เราก็โดนอัดตอนเด็กๆ เราก็โตมาเรื่อยๆ ลำบากก็ไม่เป็นไรหรอกครับ คราวนี้เราก็มาพูดถึงตอนโต คุณยายหม่อมหลวงอุ๋ย อิสรางกูร เขาก็มาอยู่ด้วยตรงหน้าวัง เขาก็มาเลี้ยงผม ส่งให้ผมเรียนอยู่โรงเรียนวัดมหาธาตุ เรียนตั้งแต่ ป.1-ป.7 ดีที่ตรงผมเป็นเป็นคนโชคดี คือขยันเรียน ชอบเรียน จะ 50 หรือ 60 เปอร์เซ็นต์ก็แล้วแต่ต้องได้ ที่ผมคิดไว้นะ ผมเป็นอารมณ์ศิลปินมาตลอด ชอบวาดรูปชอบอะไรอย่างนี้นะ และก็เรียนมาจนจบ ป. 7 ตอนหลังก็ไปสอบที่โรงเรียนสุวรรณารามวิทยาคม ดันสอบได้อีก ก็สอบติดมีเพื่อนอีกคนหนึ่ง ชื่อสุเทพ เทือกสุบรรณ ก็เรียนมาด้วยกันนะ หลากหลาย ตอนนั้นเริ่มจะเป็นนักกีฬา อยากเป็นนักกีฬาแต่เรียนนี่ไม่ค่อยชอบ พวกภาษาอังกฤษ เลขอะไรนี่นะ ทีนี้เรามาหันเป็นกีฬา ก็เป็นนักวิ่ง เขาคัดเยาวชนทีมชาติ ปรากฏว่าเราก็ติด ติดเยาวชนทีมชาติ ห้าพันเมตรกับหมื่นเมตร เป็นนักกีฬาของประเทศไทย แล้ววิ่งมาราธอน

ผู้สัมภาษณ์ : ตอนนั้นคืออยู่ ม.ต้นหรือครับ
คุณอเล็กซ์ :
ครับ อยู่ ม. 2 เป็นนักกีฬาทีมชาติ หมื่นเมตรกับสี่สิบสองกิโลของประเทศไทย วิ่งจากสนามศุภฯ ไปรังสิตอะไรอย่างนี้นะ แล้ววิ่งกลับเข้ามา ตอนนั้นม. 2 เริ่มจะชอบศิลปิน เริ่มชอบกีฬา ชอบวิ่ง ชอบอะไรอย่างนี้ ทีนี้พอม.3 นี้ก็หันเหมาเป็นการชอบวาดรูป ชอบไอเดีย ชอบ imagin อะไรต่างๆ ก็เลยคิดว่าจะเป็นศิลปิน ก็สอบ มศ. 1 ได้ก็ต่อไปเรื่อยๆ คราวนี้มนสถานการณ์บ้านเมืองที่เคยพูดไปแล้วว่า ศูนย์ศูนย์อะไรอย่างนี้นะครับ จอมพลสฤษดิ์นะ เป็นขวัญใจผมตอนเด็กๆ ผมขอย้อนมานิดหนึ่ง ตอนนั้นอยู่วัดมหาธาตุ สมัยก่อมันมีรถราง ถ้าเผื่อคนไหนโหนรถราง จอมพลสฤษดิ์บอกว่า ไม่ได้ จะนั่งราวสะพานไม่ได้ จะต้องโดนลงโทษ โดนถีบหรือโดนเตะ และก็ต้องทำตัวเรียบร้อย และก็มีคำสั่งของจอมพลสฤษดิ์อีกเยอะแยะ ผมชอบนะ ผมชอบนายทหารคนนี้ เมื่อก่อนผมไปเจอท่านที่บางลำพู คือเมื่อก่อนคนไหนนั่งราวสะพานจะต้องถูกถีบตกน้ำ ทุกคนจะต้องเรียบร้อยและก็จะใส่เสื้อกล้ามไม่ได้ จะต้องสุภาพ ต้องแต่งตัวเรียบร้อย แล้วก็พอโตขึ้นมาตอน มศ 2 ต้องสอบแยก ต้องเรียนแยกแล้ว มศ. 3 ต้องไปเรียนที่อื่น

ผู้สัมภาษณ์ : คือเรียน ม. 1-3 แล้วก็ไปต่อ มศ. 1-3 อย่างนั้นหรือครับ
คุณอเล็กซ์ :
ไม่ครับ จะต้องแบ่งเป็นสายวิทย์ สายศิลป์ สายอะไรแล้ว ทีนี้ผมก็มาสอบเพาะช่าง ตอนนี้ก็เรียนเพาะช่าง เพราะว่า มศ.3 หมดแล้วนะ สอบเพาะช่างได้ ผมชอบศิลปะ ในระหว่างที่อยู่เพสะช่างในช่วงนั้นคงจะเป็นในช่วงที่บ้านเมืองรัดเข็มขัดนะครับ มันมีคำขวัญเยอะแยะไปหมด ใช่ไหมครับ งานคือเงิน เงินคืองาน อะไรสมัยก่อน คือผมว่ามันดีนะ สมัยก่อนมันจะใช้คำขวัญ ไปที่ไหนมีผ้าใบมีคำขวัญ มีทุกอย่าง ทุกคนจะรู้หมดแล้วคนก็ไม่เยอะ หลังจากนั้น สอบเพาะช่างได้ ปี 1 – ปี 2 พอปี 3 นี่คือจะสนใจเรื่องการเมืองแล้ว อ่านหนังสือเป็นไง จะเริ่มสนใจเรื่องหนังสือ เริ่มสนใจเรื่องศิลปะ สนใจเรื่องอะไรอย่างนี้นะ ทีนี้มีคนที่เขาให้ผมเข้ามาเกี่ยวกับวงการการเมือง เกี่ยวกับวงการความถูกต้อง ก็คือ ชาติ กอบจิตติ นักเขียนซีไรต์ นี่คือรุ่นเดียวกัน แผนกเดียวกัน ห้องเดียวกัน แผนกภาพพิมพ์ครับ ตอนนั้นปี 4 เขาก็เน้นเรื่องความถูกต้อง และก็ โชคชัย ตะโก ช่วงนั้นก็เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของสมัยวัยรุ่น ประมาณปี 14-15 ตอนนั้นสมัยก่อนผมเขียนคอลัมภ์ในเพาะช่าง เขียนคอลัมภ์เพื่อสนุกๆ เขาก็บอกเล็กลองเปลี่ยนแนวทาง คอลัมภ์เรื่องการเมือง เพื่อล้อการเมือง แบตู้ทำอย่างในทีวีนะ คือผมจะซื้อหนังสือมาแล้วผมก็จะล้อเลียน ล้อเลียนคำพูด แต่ไม่ได้พูดนะ ใช้ภาพ คือเอาหนังสือตัดมาแล้วเราก็ทำเป็นคำพูด ทีนี้ชาติก็บอก ดีนะเล็กเริ่มสร้างสรรค์ พอเข้า ปี 5 ก็มีเรื่องกันแล้ว 14 ตุลา 16 ก็เริ่มแล้ว คือตอนนั้นก็เริ่มเรื่อง สร้างสรรค์ เริ่มที่จะใช้คำพูดโตขึ้น มีหลักการมากขึ้น โดย ชาติ กอบจิตติ เป็นคนชี้แนวทาง

ผู้สัมภาษณ์ : ตอนแรกที่พี่ล้อเลียน ตัดหนังสือพิมพ์ ตอนนั้นคือทำที่ไหน อย่างไรครับ
คุณอเล็กซ์ :
นั้นคือทำเล่นในโรงเรียนเพาะช่าง ทำเป็นโปสการ์ด ติดบอร์ดแล้วทุกคนก็อ่าน ทุกคนก็ขำ บางทีล้อเลียนนายฝรั่งบ้าง ล้อเลียนในหนังสือบ้าง บางทีล้อเลียนบางกอกโพสต์บ้าง

ผู้สัมภาษณ์ : อันนั้นคือทำเอง ยังไม่รวมกลุ่มกับเพื่อนหรือครับ
คุณอเล็กซ์ :
ทำเองครับ ยังไม่รวมกลุ่ม คือพวกชาติ พวกนี้อีกคนหนึ่งชื่อ ปุ๊ย อยู่จังหวัดนครศรีธรรมราช เขาเสียชีวิตไปแล้ว เขาก็มาเกลา

ผู้สัมภาษณ์ : พอพี่ทำติดบอร์ดอย่างนี้ คุณชาติ กอบจิตติ ก็มาบอก อย่างนี้หรือครับ
คุณอเล็กซ์ :
ใช่ บอกว่าให้เปลี่ยนแนว เปลี่ยนแนวล้อสังคมบ้าง ล้อการเมือง้าง ก็เลยมันดีนะคือแบบรู้เท่าใดเราเอาเท่านั้น คือล้อกันในเพาะช่าง ยังติดบอร์ดเหมือนเดิม ตอนหลังก็โดนแอนตี้นะ ตอนหลังเพื่อนก็เลยบอกให้ทำแนวนี้ มานั่งคุยกันว่าทำอย่างนี้

ผู้สัมภาษณ์ : บอร์ดนี้เป็นนักศึกษาจัดทำกันเอง หรือว่าเป็นของแผนกครับ
คุณอเล็กซ์ :
แผนกครับ ของผมเองของแผนกภาพพิมพ์ เมื่อก่อนนี้แผนกภาพพิมพ์ยิ่งใหญ่ คือไม่ได้ยิ่งใหญ่หรอก คือ ชอบเล่นเพื่อชีวิต ร้องเพลงเพื่อชีวิต เป็นคนที่ชอบมาก

ผู้สัมภาษณ์ : ทำไมถึงชอบแนวนี้ครับ มีที่มาอย่างไรหรือเปล่า
คุณอเล็กซ์ :
ผมรู้จักกับ หมู พงษ์เทพ เขาชอบตีกลอง สมัยก่อนเขาตีกลองสองอัน ก็เลยสนิทกับหมู หมูก็เลย มันไม่ใช่ล้างสมองนะ มันอยู่ด้วยกันมันก็ต้องคุย และก็มีนิสิตนักศึกษาจากสวนสุนันทา นิสิตนักศึกษาจากที่อื่นมากันเยอะ พวกโคมฉาย พวกอะไรอย่างนี้ ตึกไหนผมจำไม่ได้แล้ว ผมเคยมาคุย มาซ้อม

ผู้สัมภาษณ์ : ก่อนหรือหลังสิบสี่ตุลาครับ
คุณอเล็กซ์ :
อันนี้หลังครับ แต่ก่อนสิบสี่ตุลานี่เราจะไปชุมนุมกันที่เพาะช่าง คือพวกโรงเรียนสวนสุนันทา พวกศูนย์นิสิตฯ อะไรนี้เขาจะมาร่วมสนุกสนาน ร่วมพูดคุยกัน ก็สนุกดี ตอนหลังก็เริ่มความคิดนี้มา

ผู้สัมภาษณ์ : ตอนนั้นที่อยู่เพาะช่างก่อนสิบสี่ตุลานี่ ที่มีการติดบอร์ดในตอนนั้น ได้ทำเป็นเล่ม เป็นหนังสือหรือเปล่าครับ
คุณอเล็กซ์ :
ทุนไม่มี มันไม่มีทุน ก็นอกจากติดบอร์ดอย่างเดียว แล้วให้ในเพาะช่างอ่าน เพราะทุนเราไม่มี สมัยก่อนของมันก็แพงใช่ไหม การซื้อสี การซื้อกระดาษ การซื้ออะไร แต่มีเพลงนะ คุณอะไรก็ไม่รู้ร้องบ่อย เป็นเพลงเพื่อชีวิตที่แต่งกันเอง แล้ววงอิสซึ่นก็มาร่วมด้วย ชื่อพจน์ พวกวสันต์-อัสนี ก็จะมาร่วมด้วย เขาก็มา พักกลางวันเขาก็จะมีเพลงเพื่อชีวิตของเขา หลากหลาย และก็มีป้อม ก็มาร่วมด้วยกัน มีเพลงเพื่อชีวิตแต่งเองก็หลายคนนะที่เป็นผู้หญิง แต่ผมเองก็จำชื่อไม่ค่อยได้ เวลาเที่ยง เวลาพัก มีเพลงเพื่อชีวิต มีล้อเลียน จะทำเรื่องเกี่ยวกับว่าสงครามเป็นอย่างไร สงครามเป็นการทำละคร พวกชาติ กอบจิตติจะทำละครและก็ขายบัตร เรื่องสงคราม สงครามมันเป็นอย่างไร มันให้ผลอะไรกับเรา บ้านเมืองกับคนทั่วโลก ทำละครกัน ทหารให้ผลอะไร ลูกปืนให้ผลอะไร ต่อสู้กันภายใน

ผู้สัมภาษณ์ : พี่ได้ร่วมเล่นด้วยหรือเปล่าครับ
คุณอเล็กซ์ :
เล่นครับ

ผู้สัมภาษณ์ : พอจะจำเนื้อเรื่องอะไรได้ไหมครับ
คุณอเล็กซ์ :
เนื้อเรื่อง ตอนนั้นจำไม่ค่อยได้นะ ผมเป็นตัวขำๆ เป็นตัวตลก ตอนนั้นปี 4 ผมก็เริ่มเล่นตลกแล้ว เริ่มเล่นตลกของคุณประชา เทพาวดี ผมก็นำไปเล่นตลก ผมก็กลายเป็นโจ๊ค ปริญญา สุชิต อะไรอย่างนี้ ก็มีอยู่สองคน มีผมกับปริญญาที่เป็นตัวโจ๊คของเพาะช่าง แต่ผมหันออกมาออกทีวีซะ ก็คือเล่นกับคณะสี่ชาย ช่วงนั้นดังมา คุณยังไม่เกิดมั้งครับ ดังมาก ทีวียังขาวดำอยู่

ผู้สัมภาษณ์ : ตอนนี้คือช่วงก่อนหรือหลังสิบสี่ตุลาครับ
คุณอเล็กซ์ :
ยังไม่ถึง ยังๆ สิบสี่ตุลาเขามาชุมนุมกัน ตอนแรกผมทำป้ายในเพาะช่าง ตอนหลังผมมาทำที่นี่ ตอนหลังคุณมณเฑียร กับคุณชาติ และก็คุณโชคชัย นำป้ายติดตามถนนราชดำเนิน ตอนนั้นเริ่มแล้ว เริ่มมาแล้ว

ผู้สัมภาษณ์ : อันนี้คือช่วงก่อนสิบสี่ตุลา
คุณอเล็กซ์ :
ช่วงเริ่มไล่ถนอม ทำป้ายใหญ่มากเป็นคัตเอาท์เลย แล้วเอามาติด อันนี้ของพวกเราสามแผ่นสี่แผ่น แล้วเราเดินจากเพาะช่างมาติดเลยนะ เดินถืออันใหญ่มา นำมาติด

ผู้สัมภาษณ์ : ไหมอันนี้คือทำกันเองในเพาะช่าง ใช่ครับ ไม่ใช่ของศูนย์กลางนิสิตฯ
คุณอเล็กซ์ :
ไม่ใช่ครับ ทำกันเองเลย คือเราเป็นศิลปิน คือเราคัดค้านการใช้ความรุนแรง คล้ายๆอย่างนั้น ก็มันมีภาพรถถัง มีธงชาติ อะไรอย่างนี้นะ ก็เอามาติดที่ถนนราชดำเนิน แต่ถ้าเผื่อจริงๆแล้ว การต่อสู้สิบสี่ตุลา ตอนนั้นผมเป็นโคศก เขาเรียกถังน้ำแข็ง

ผู้สัมภาษณ์ : คืออะไรครับ
คุณอเล็กซ์ :
ม็อบนี่มันจะมีเยอะใช่ไหมครับ คนเป็นแสนๆ จะเปิดเพลงคลื่นหรือว่าคนเขาคุยเรื่องราวกันเสร็จแล้ว แล้วก็มันมีเพลงหรือมีโจ๊คอะไร ผมจะเป็นตัวขึ้นไปบนเวทีเป็นตัวพักผ่อนนะ หลังเขาพูดกันเสร็จหมดแล้ว พวกดังๆเขาพูดกันเสร็จหมดแล้ว สุธรรม แสงประทุม ชำนิ ศักดิเศรษฐ เขาพูดกันหมดแล้ว

ผู้สัมภาษณ์ : ในช่วงที่ทำคัตเอาท์มาติดนี่ก็คือช่วงสิบสี่ตุลาแล้ว พอจะจำได้หรือเปล่าครับว่าวันที่เท่าไหร่
คุณอเล็กซ์ :
ไม่แน่ใจ

ผู้สัมภาษณ์ : กลุ่มสิบสามคนโดนจับไปหรือยังครับตอนนั้น
คุณอเล็กซ์ :
ไม่แน่ใจ ถูกจับแล้ว เพราะว่าตอนนั้นผมอยู่ตรงลานโพธิ์ เป็นโคศก เป็นโจ๊คเป็นตัวพักผ่อนตอนดึก ผมไม่ได้กลับบ้านจนเท้าเปื่อยเลยนะ ไม่ได้กลับบ้าน ไม่ได้นอน ไม่ได้อะไรเลย นอนก็นอนตรงนั้น และก็ตอนหลังที่เขาเคลื่อนไปสวนจิตรฯวันที่ 13 ราชันฟรือราเชนทร์ ถูกยิงตรงข้างผม คนที่เป็นกระบวนการนักศึกษา คนที่ดังนะเป็นพวกไฮปาร์คเหมือนกัน แล้วผมปะทะกับตำรวจ ปะทะกับ บัญชัย พันธ์คงชื่นนี่แหละ

ผู้สัมภาษณ์ : มนต์ชัยกั้นเอาไว้ไม่ให้ผ่าน หรือครับ
คุณอเล็กซ์ :
ไม่ให้ผ่าน ทีนี้เราก็เริ่มเอาผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำแล้ว เพราะรู้ว่าจะมีแก๊สน้ำตา และก็ถูกยิงตรงหน้าสวนจิตรฯ ประตูวังเปิดปุ๊บ ผมก็กระโดคลองเลย

ผู้สัมภาษณ์ : ดูเหมือนจะชื่อราชัน นะครับ เป็นเด็กที่ทำกิจกรรม
คุณอเล็กซ์ :
ราชัน ที่ถูกยิงข้างผม ถูกยิงแล้วเข้าไปในเขาดิน แต่ผเข้าไปในสวนจิตรฯ

ผู้สัมภาษณ์ : ถูกยิงนี่คือไม่ตาย หรือครับ
คุณอเล็กซ์ :
ตอนนี้ยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่าผมก็ไม่รู้นะ มีคนอุ้มเข้าไปในสวนสัตว์เขาดิน ส่วนตัวผมก็กระโดดข้ามน้ำไปวังสวนจิตรฯ และมทหารช่วยไว้

ผู้สัมภาษณ์ : ผมขอย้อนนิดหนึ่งนะครับ ก็คือพี่ออกเดินพร้อมขบวนและก็เดินมาเรื่อยๆ หรือครับ
คุณอเล็กซ์ :
พร้อมเลยครับ มาด้านหน้าจนประชันหน้ากัน แล้วเขาก็เริ่มยิงแก๊สน้ำตา เริ่มชุลมุน

ผู้สัมภาษณ์ : ตอนที่ออกเดินมีความคิดหรือเปล่าครับว่าจะโดนปราบ
คุณอเล็กซ์ :
ช่วงนั้นมันไม่คิดเลย ครับ คือมันเหมือนกับว่า มันต้องออกไปเพราะว่ากดดันมาหลายแล้วครับ และก็เกิดการประชัน แต่แม่ของในหลวงมารับสั่งให้เปิดประตูเองเลยนะ ผมกราบเท้าท่านเลย แล้วผมก็ร้องไห้ ผมยังจำภาพรองเท้าท่านได้เลย ท่านบอกให้รีบเข้าไปซะ ให้นักศึกษาเข้าไป แล้วเข้าไปเสร็จซักพักก็ปิดประตู ตอนนั้นชุลมันจนคนหมดแล้วนะ ปิดประตูแล้วก็ในวังท่านทำกับข้าว แกงมาให้กินแล้วท่านก็บอกว่าจะนำรถเมล์ไปส่ง ตอนนั้นผมก็เหนื่อยมากแล้ว

ผู้สัมภาษณ์ : คนที่เข้าไปอยู่ในวังตอนนั้นเยอะไหมครับ
คุณอเล็กซ์ :
เยอะครับ เยอะมาก คือทุกคนได้กราบเท้าของสมเด็จย่า ถ้าเกิดสมเด็จย่าท่านไม่เปิดประตูตอนนั้นพังเยอะเลยครับ ท่านยืนอยู่ข้างหน้าเลย และก็ให้เปิดประตู

ผู้สัมภาษณ์ : แล้วสมเด็จย่าได้ตรัสอะไรเพิ่มเติมหรือเปล่าครับ
คุณอเล็กซ์ :
ท่านบอกให้กินข้าว รีบๆไปล้างหน้าแล้วกินข้าว คือสงสัยว่าเขาเตรียมไว้แล้วนะครับสำหรับกับข้าว แล้วสมเด็จย่าก็ตรัสบอกอีกทีว่ากินข้าวเสร็จจะจัดรถมาให้นะว่าคนไหนไปสายไหน แล้วตอนนั้นผมก็ไม่รู้ เพลียแล้ว แสบตาก็ไม่ไหวแล้ว จนสลบ พอถึงบ้านผมก็ไม่รู้แล้วครับ มันเพลียจัดมาก ระโหยโรยแรงหมด แล้วตอนนั้นผมก็ไม่รู้แล้ว

ผู้สัมภาษณ์ : ในหลวงกับราชินีลงมาด้วยหรือเปล่าครับ
คุณอเล็กซ์ :
ไม่ครับ ไม่เห็น ตอนนั้นผมได้กราบเท้าสมเด็จย่าองค์เดียว ผมน้ำตาไหลเลย ถ้าเผื่อท่านไม่เปิดประตูนะ ตาย โดนตีตายหมด

ผู้สัมภาษณ์ : ตอนนั้นปะทะกับตำรวจ ใช่ไหมครับ
คุณอเล็กซ์ :
ปะทะกับ มนต์ชัย พันธ์คงชื่น ตำรวจนี่แหละ เขาประจันหน้ากับเรา เสกสรรพูดอยู่ข้างบน นั่งรถเมล์กลับอะไรก็ไม่รู้แล้ว ผมกลับบ้านแล้ว ไม่ไหวแล้ว เพลียมาก ทีนี้คนก็เริ่มมั่วแล้ว ขอเงินกันใหญ่แล้ว เข้าใจไหม มีคนมั่วมาบริจาคนะ เยอะแล้ว ตรงท่าพระจันทร์นะครับ ให้ช่วย คราวนี้คนโกหกก็มี

ผู้สัมภาษณ์ : พี่นั่งรถเมล์มาลงท่าพระจันทร์หรือครับ
คุณอเล็กซ์ :
ครับ มาลงที่ท่าพระจันทร์ ผมกลับบ้านไง บ้านอยู่ตรงตรอกบ้านนางหล่อ แถวๆนั้นนะ ผมกลับบ้านไม่ไหวแล้วครับ มันเพลีย มันสุดเลย

ผู้สัมภาษณ์ : แล้วก็เห็นคนที่มาขอรับบริจาคหรือครับ
คุณอเล็กซ์ :
ใช่ มีคนมั่วด้วยไง

ผู้สัมภาษณ์ : แล้วพี่รู้ได้อย่างไรครับว่าเป็นคนที่มั่ว
คุณอเล็กซ์ :
เรื่องมันเกิดตรงโน้นแล้วคุณมารับบริจาคทำไมตรงนี้ มันไม่เป็นศูนย์นิสิตนักศึกษาซึ่งเราอยู่เหตุการณ์ แล้วคุณก็ไปเล่าซะ แล้วคุณก็มาขอบริจาคอยู่ตรงนี้ ผมก็แต่งชุดนักศึกษานะหรือแต่งอะไรก็แล้วแต่ บริจาคทำไม ตอนหลังมาพอจบผมจำอะไรไม่ค่อยได้มันมึนมันเพลีย ตอนหลังจะจบแล้วก็มาเรื่องแขวนคอที่มารูปคล้ายเจ้าฟ้าชายอีก ต่อต้านอีก

ผู้สัมภาษณ์ : ตอนนั้นพี่อยู่ในเหตุการณ์
คุณอเล็กซ์ :
ครับ

ผู้สัมภาษณ์ : ก่อนจะไปตรงนั้น เข้าใจว่าหลังสิบสี่ตุลาหรือหกตุลา มันจะมีการเคลื่อนไหวเยอะ พี่พอจะเล่าเหตุการณ์สำคัญๆ ที่พี่พอจะจำได้ ได้ไหมครับ
คุณอเล็กซ์ :
ตอนนั้นเพื่อนผมถูกฆ่านะ ถูกแขวนคอบอกว่าเป็นญวนนะ ตอนที่ลูกเสือลุยตรงหน้าเพาะช่างนะ ผมก็ร้องไห้ต่อหน้าเลย

ผู้สัมภาษณ์ : ช่วงหลังสิบสี่ตุลา สังคมไทยโดยรวมๆแล้วมันเปลี่ยนไปเยอะไหมครับ
คุณอเล็กซ์ :
ผมหรือบ้านเมืองครับ

ผู้สัมภาษณ์ : ทั้งตัวพี่และก็บ้านเมืองครับ
คุณอเล็กซ์ :
ผมมีความแค้นทหาร ผมเริ่มเกลียดตำรวจ จนทุกวันนี้ผมยังเกลียดตำรวจเลย เกลียดตำรวจเกลียดทหาร คือเอาเปรียบและก็หลากหลายไง ทุกวันนี้ผมยังแกล้งตำรวจ ทหารเลย ผมเดินชนมันเฉยๆ ผมไม่ติดป้ายวงกลมเฉยๆ แต่ผมมีอยู่ในล๊อคของผม ผมเกลียดมาก

ผู้สัมภาษณ์ : แล้วสิ่งที่พี่ทำนี่ได้ก่อให้เกิดปฏิกิริยาอะไรหรือเปล่าในเพาะช่าง ทั้งอาจารย์และนักศึกษา
คุณอเล็กซ์ :
ช่วงหลังสิบสี่ตุลานะครับ ตอนหลังนี่เราไม่รู้แล้ว เพราะมันไม่มีคนแบบเราแล้ว น้อยมากที่จะมานั่งถกกันว่าบ้านเมืองเป็นอย่างนี้ ไม่มีครับ

ผู้สัมภาษณ์ : พอหลังเหตุการณ์สิบสี่ตุลาพี่กลับมาที่บ้าน แล้วหลังจากนั้นก็เปิดเทอมมา ก็กลับมาเรียนหรือครับ
คุณอเล็กซ์ :
ครับ ก็กลับมาเรียนเหมือนเดิม แต่เหตุการณ์มันเล่าสู่ขานกันฟังว่า เหตุการณ์บ้านเมืองเป็นอย่างไร กลุ่มของเราก็พยายามสร้างไอเดีย สร้างงานของตัวเองแล้ว เพราะว่ามันจะจบแล้ว ตอนนี้จะไม่มีเวลาที่จะมาเรื่องนี้แล้ว เพราะว่าชาติเขาก็ต้องเขียนหนังสือ ส่วนผมก็ต้องทำงานส่งอาจารย์ ต้องไปเกาะเสม็ด ไปภูกระดึง ไปวาดรูป ทีนี้พวกการเมืองก็หยุด เพราะเป็นปลายเทอม คะแนนพวกนี้มันจะมาแล้ว แล้วเราก็ไม่ค่อยได้ไปยุ่งการเมือง เพราะเราจะไปทำกิจกรรมมากกว่า

ผู้สัมภาษณ์ : พวกนิยายหรือพวกหนังสือฝ่ายซ้ายที่ออกมา ช่วงนั้นพี่ได้อ่านบ้างหรือเปล่าครับ
คุณอเล็กซ์ :
ช่วงนั้น ตรึมเลยนะ ผมเป็นคนไม่อ่านหนังสือพวกนี้ยะ ผมรู้แก่ใจว่าผิดถูก ผมใช้ความรู้สึกของผม นี่จริงนะคือบางคนไม่แตะเลยนะ วางไว้ปวดหัว สู้เอาเพลงวางไว้ดีกว่า สู้เอางานศิลปะวางไว้ดีกว่า ของผมนะ

ผู้สัมภาษณ์ : แล้วอย่างนี้คุณชาติ เขาอ่านกันหรือเปล่าครับ
คุณอเล็กซ์ :
เมื่อก่อนนี้ เขาศึกษาอยู่ ตอนนี้เขาเป็นคนที่ศึกษาหลากหลาย คือเขาเป็นคนที่ไอเดียอาจจะสูงกว่าผม แต่ของผมมันไปหนักทางบันเทิงไง เพราะว่าผมเล่นตลกด้วย

ผู้สัมภาษณ์ : แล้วอย่างนี้พี่ก็ไปร่วมเหตุการณ์ด้วย ใช่ไหมครับ
คุณอเล็กซ์ :
ร่วมด้วยครับ ตอนไล่ฐานทัพอเมริกัน ตอนนั้นก็ย้ายมาหลายที่ ตอนหลังมาก็ย้ายมาสนามหลวง ตรงข้างพิพิธภัณฑ์ ตอนนั้นเราเจอหลากหลาย ทั้งกระทิงแดงก็เป็นเพื่อนกัน เฉลิมชัย บัญชาก่ำ คุณเงาะ อะไรอย่างนี้นะ เฉลิมชัยกับผมเป็นเพื่อนสนิทกันนะ เขาเรียนอยู่เทคนิคกรุงเทพ เขาเล่นดนตรี ผมชอบดนตรี ผมอยู่เพาะช่างก็เลยไปสนิทกับเขา จนทุกวันนี้ก็ยังสนิทกันอยู่ ยังรักกันอยู่นะ แล้วกเขาเตือนผม เขาบอกเล็กเวลานี้อย่าไปนั่งตรงนั้นนะ เดี๋ยวจะมีระเบิดกับการยิงตรงนั้น คือเป็นเพื่อนรักกันนะ แล้วก็มีจริงๆ แต่เราก็ลืมไป ก็เขวี้ยงระเบิดมา ระเบิดขวดบ้าง ยิงปืนบ้าง ก็โดนผมอยู่ตรงกลุ่มนั้นพอดี

ผู้สัมภาษณ์ : มีคนตายไหมครับ เหตุการณ์นั้น
คุณอเล็กซ์ :
ไม่มีครับ มีผมที่เจ็บมากี่สุด ระเบิดโดนทั้งสองขาเลย

ผู้สัมภาษณ์ : ตอนนี้คือต้นปี 19 หรือครับ
คุณอเล็กซ์ :
ครับ ไล่ฐานทัพอเมริกัน โดนระเบิดที่สยามสแคว์อยู่ครั้งหนึ่ง

ผู้สัมภาษณ์ : อันนี้หมายถึงว่าไล่หลายรอบหรือครับ
คุณอเล็กซ์ :
ไล่หลายรอบครับ

ผู้สัมภาษณ์ : ที่สยามนี่คือพี่อยู่ด้วยหรือครับ
คุณอเล็กซ์ :
ใช่ ก็อยู่ด้วย แต่ผมไม่โดน ผมอยู่ปลายแถว มีเพื่อนผู้หญิงที่เป็นเพื่อนกัน โดนอยู่พาณิชย์ราชดำเนิน รู้สึกตายนะ ตอนนั้นตายไปหลายศพ โดนระเบิดแล้วตาย แต่เขาไม่ได้ลงอะไรมากมายว่าตาย

ผู้สัมภาษณ์ : ก็คือช่วงนั้นอาชีวะไปเข้ากับกระทิงแดงหรือครับ
คุณอเล็กซ์ :
ใช่ครับ อาชีวะเข้ากระทิงแดงอย่างเดียวเลย

ผู้สัมภาษณ์ : ทำไมตอนนั้นพี่ถึงเลือกที่จะอยู่กับฝ่ายนักศึกษาครับ
คุณอเล็กซ์ :
ตอนนั้นคนครั่งแบบณัฐวุฒินี่มันพูดเก่ง แล้วเสกสรรนี่ พูดเก่งไหม หลายคนพูดเก่ง ปริญญาหรือใครที่เป็นนักพูดที่เก่งๆ คือแบบครั่งคำพูด นำมาเปรียบเทียบ อะไรอย่างนี้คือแบบผมฟังไง ผมก็เลยคิดว่าถูกก็เลยชอบ ถ้าเกิดผู้พันตึ๋งตอนนั้นชวนไป ถามว่าไปไหม ไม่ไปครับ ก็มันเพื่อนรักกัน

ผู้สัมภาษณ์ : ทำไมถึงไม่ไปครับ
คุณอเล็กซ์ :
มันคนละแนวทางกัน ตอนนั้นสายหยุดใช่ไหม แล้วเราไม่ชอบการสังหาร ไม่ชอบไปตีหัว ไม่ชอบพกปืน ไม่ชอบรุนแรง แต่ผู้พันตึ๋งมันขึ้นหลังเสือแล้ว มันลงไม่ได้ แล้วมันเป็นนักบู๊มาตั้งแต่เกียกกายแล้ว บ้านมันอยู่เกียกกาย เรารู้จักกันมานาน วันนั้นเขาก็เตือนแล้วแต่เราไม่เชื่อ เราก็เลยโดนเลย แต่ค่าใช้จ่ายออกเองหมดนะไม่มีใครช่วย จ่ายเองหมด

ผู้สัมภาษณ์ : ตอนนั้นคือยังพักอยู่ที่เดิมหรือครับ
คุณอเล็กซ์ :
พักอยู่ที่เดิมครับ ก็คือพรานนก พักอยู่ซอยนพมาศกับตรอกบ้านนางหล่อ พักอยู่กับป้า ยังไม่รู้จักพ่อแม่ เป็นป้าที่เข่เลี้ยงเรามา

ผู้สัมภาษณ์ : เขาว่าอย่างไรบ้าง
คุณอเล็กซ์ :
เขาด่าเรา คือสิบสี่ตุลาไปแล้ว แล้วนี่ยังไปอีกทำไม อะไรอย่างนี้ มันควรจะพอได้แล้ว แต่เราก็ตามชาติ กอบจิตติ ตามเพื่อนๆอีกหลายคนที่มีแนวร่วมเดียวกัน จำชื่อไม่ได้

ผู้สัมภาษณ์ : ตอนไล่ฐานทัพพี่อยู่ปี 5 หรือครับ
คุณอเล็กซ์ :
ครับ ตอนนั้นจะจบแล้ว ประมาณ ปวส. จะจบแล้วครับ คะแนนเริ่มออก ช่วงสอบเสร็จแล้ว กึ่งๆจะส่งผลงาน ทีนี้ก็มาไล่หลากหลาย แล้วเราก็เจอนักแต่งเพลงด้วย เจอวงกรรมาชน เจอวงโคมฉาย เจอป้อม ที่เป็นนักสร้างหนังตอนนี้ อะไรหลากหลาย เล่นละครด้วยกับโคมฉาย เล่นกับพี่หงานี่นะ ผมขึ้นด้วยกับคาราวาน ผมเป็นโคศกของคาราวานนะเมื่อก่อน หมูกับผมเป็นลูกเล่นกัน เวลาเขาหยุด

เพลง ผมก็พูด แล้วหมูกับผมนี่เป็นคนใส่กัน พงษ์เทพ สมรักษ์ พี่หงา อะไรพวกนี้ก็รักกันนะ พี่มงคล เมื่อก่อนนี้พี่หงาเขาต่อสู้จริง ผมไปไหนก็ไปกับวงคาราวาน ไปอุดรอะไรอย่างนี้ ไปหมด คือช่วงนั้นต่อสู้นี้ก็จะสู้ไปเรื่อยๆ ไปจังหวัดนี้จังหวัดนั้น แล้วพี่หงาก็พาไปแล้วหมู พงษ์เทพกับผม เวลาพักเพลงก็จะโจ๊คเกอร์กัน เวลาหมูไปเล่นที่ไหนเขาก็จะได้คำสนุกสนานที่ติดจากผมมา แต่ไม่ได้เจอเขานานแล้ว เขาก็ออกทัวร์ไปเรื่อยๆกับคาราวาน แต่ถ้าเผื่อจริงจังก็จะไปกับกรรมาชน กระแทก จะเรียกร้องอะไรก็วงกรรมาชน ซึ่งเดี๋ยวนี้ก็อยู่กับพันธมิตรนะ คุณนิตย์ แต่ก็รักกันไม่มีอะไรนะ ต่างคนต่างเดิน วงซูซูที่อยู่กับพันธมิตรนี่เด็กๆ นะ

ผู้สัมภาษณ์ : พอเรียนจบแล้วพี่ทำอะไรต่อครับ
คุณอเล็กซ์ :
ผมสอบเป็นครูได้อยู่ที่หนองจอก เป็นโรงเรียนหนองจอก ไปสอนเกี่ยวกับศิลปะ อยู่ได้สองปีแล้วก็มาเล่นตลก

ผู้สัมภาษณ์ : หมายความว่าช่วงที่เกิด 6 ตุลา พี่ก็ยังเป็นครูอยู่ ใช่ไหมครับ
คุณอเล็กซ์ :
ใช่ครับ คือตอนนั้นมันมีอยู่ช่วงที่ผมถูกตำรวจที่หนองจอกจับนะ สารวัตรใหญ่จับผมและกักตัวที่โรงพัก คือผมมีหมายให้โดนจับด้วย

ผู้สัมภาษณ์ : หมายเรื่องอะไรครับ
คุณอเล็กซ์ :
เป็นนักต่อต้าน มีชื่อเพราะว่าชื่อผมอยู่สถานีวิทยาของพวกสหายครับ

ผู้สัมภาษณ์ : แล้วชื่อพี่ไปอยู่ที่นั่นได้อย่างไรครับ
คุณอเล็กซ์ :
คือผมเป็นนักต่อสู้ที่โดนวิจารณ์บ่อยนะครับ

ผู้สัมภาษณ์ : วิจารณ์ในแนวไหน อย่างไรครับ
คุณอเล็กซ์ :
ในแนวว่า ทำไมแรกๆมันไม่ดี หลังๆก็พัฒนาตัวเองได้ ชื่อผมอยู่ในวิทยุคลื่นจีนแดงนะครับ วิทยุสหายและก็ประชาชน

ผู้สัมภาษณ์ : ตอนโดนจับนี่ประมาณปีไหนครับ ช่วงก่อนหรือหลังหกตุลา
คุณอเล็กซ์ :
ตอนนั้นผมเป็นครู หลังนะครับ หกตุลานี่คือที่บุกธรรมศาสตร์ ตอนนั้นผมเป็นครูแล้ว แล้วผมก็มา แต่เจอลูกเสือชาวบ้าน ผมเข้าไปไม่ได้ เพื่อนผมอยู่ข้างใน แต่ผมเป็นครูแล้วไงแต่ผมไม่ชอบอะไรอย่างนั้น

ผู้สัมภาษณ์ : คือตอนมาถึงนักศึกษาโดนลอมไว้แล้วหรือครับ
คุณอเล็กซ์ :
โดนแล้ว โดนล้อมไว้หมดแล้ว ตำรวจล้อมแล้วก็ประทับปืนไว้หมดแล้ว

ผู้สัมภาษณ์ : ตอนมาพี่รู้ข่าวเกี่ยวกับการล้อมปราบหรือยัง
คุณอเล็กซ์ :
รู้ครับ รู้ทางวิทยุ รู้จากคน เพราะว่าผมมาจากโรงเรียนหนองจอก เพื่อนผมมันโดนตีโดนลากมา เพื่อนผมถือไม้นะ คือผมเห็น ผมยาว แล้วมันมาแขวนคอที่ต้นมะขาม ลูกเสือชาวบ้านโหดร้ายมากๆ ผมไม่ชอบเลย คือเพื่อนผมเรียนด้วยกัน แล้วมันเอายางมาเผา นั่นแหละ

ผู้สัมภาษณ์ : ตอนนั้นพี่ออกจากหนองจอกมา ประมาณตอนไหนครับ
คุณอเล็กซ์ :
ตอนนั้นเช้าแล้ว แล้วผมก็มาถึงที่นี่มีการลงมือปราบแล้ว ตอนแรกผมอยู่ที่ตรงอนุสาวรีย์ ที่ผมโดนระเบิดนี่ครับ ตรงทหารอาสา นั่นแหละ และผมไม่กล้า ผมกลัวไง เพราะตอนนั้นมีครอบครัว มีภรรยาด้วย เราต้องห่างจะสุ่มสี่สุ่มเจ็ดไม่ได้

ผู้สัมภาษณ์ : เพื่อนนี่เป็นเพื่อนที่เพาะช่างหรือครับ
คุณอเล็กซ์ :
ครับ เป็นเพื่อนที่เพาะช่าง เป็นเพื่อนที่เรียนด้วยกันแต่ผมจำชื่อไม่ได้ เขามาร่วมชุมนุมด้วยกัน คือคนนี้หัวรุนแรง แล้วก็ถูกตี ในธรรมศาสตร์ตรงประตู แล้วมันก็ลากมา แล้วมันก็มาแขวนคอ ผมเกลียดเลยลูกเสือชาวบ้าน คือเป็นครูต้องไปเรียนอบรมลูกเสือชาวบ้าน ผมไม่ชอบ เพื่อนผมตายแล้ว มันเป็นมนุษย์นะ โดนลากและก็ถอดเสื้อเผา และแขวนคอ

ผู้สัมภาษณ์ : ตอนนั้นพี่แต่งตัว อย่างไรครับ ไม่ได้ใส่ชุดนักศึกษาแล้วใช่ไหมครับ
คุณอเล็กซ์ :
แต่งตัวธรรมดานี่แหละครับ ผมใส่ยีนส์ เวลามาจากหนองจอก

ผู้สัมภาษณ์ : เพื่อนพี่นี่โดนแขวนคอก่อนหรือเผาก่อนครับ
คุณอเล็กซ์ :
ลาก แขวนคอ และเผา ใช้ยางรถยนต์เผา เพื่อนผม ผมยาว ดำ ผอม ผมโมโห ผมด่าเลย

ผู้สัมภาษณ์ : แล้วตอนนั้นคือมีคน ที่ชุมนุม ลูกเสือชาวบ้านอะไรนี่ เขาจำพี่ได้หรือมีปฏิกิริยาอะไรหรือเปล่าครับ
คุณอเล็กซ์ :
คือเขาไม่จำแล้ว ในตอนนั้นเขาจะเอาธรรมศาสตร์อย่างเดียว เขาไม่สนใจใครแล้ว เขาสนใจว่าคนไหนออกมาถูกตี เพราะว่าคนข้างในคือโจร

ผู้สัมภาษณ์ : แล้วพี่อยู่ตรงนั้นนานไหมครับ
คุณอเล็กซ์ :
นานครับ จนเพื่อนผมถูกตีถูกอะไร

ผู้สัมภาษณ์ : ตอนเขาเคลียคนออก มีการจับหรืออะไรบ้างครับ
คุณอเล็กซ์ :
ตอนนั้นผมไม่อยู่แล้ว ผมกลับบ้านแล้ว ผมกลัว

ผู้สัมภาษณ์ : กลับบ้านนี่คือที่ไหนครับ
คุณอเล็กซ์ :
กลับที่พรานนก ตอนนั้นก็ดูภาพ ดูทีวีอะไรอย่างนี้นะ

ผู้สัมภาษณ์ : หลังจากหกตุลานี่คือพี่โดนจับที่หนองจอก
คุณอเล็กซ์ :
ครับ โดนจับหนองจอก แล้วมันมีชื่อได้อย่างไรก็ไม่ทราบ ผมก็ไม่ทราบ

ผู้สัมภาษณ์ : เขาไปกักตัวไว้ในโรงพัก ประมาณนานกี่วันครับ
คุณอเล็กซ์ :
สองวันแล้วปล่อย ผมถามเหตุผล ก็ไม่ได้ คือตำรวจที่หนองจอกบอกว่าผมมีรายชื่อแล้วเหมือนกับผมมากบดานเป็นครู อะไรอย่างนี้นะ แล้วผมถูกกักบริเวณ สองวันที่โรงพักหนองจอก ให้นั่ง นอน กิน อยู่ในโรงพัก มีตำรวจเดินตาม สารวัตรเขาเหมือนช่วยผมนะ ตอนนั้นผมถูกยิงกับนิตย์แล้วผมโดรถเมล์นี่ ตอนนั้นมีคนตามล่ากับวงกรรมาชน แล้วต้องไปซ่อนที่บ้านกับวงกรรมาชนทั้งวงเลย ผมจำไม่ได้ว่าปีไหน ตอนนั้นสมัยวัยรุ่นนะคือหนี ไปไหนต้องไปแล้ว คือรู้จักกันแค่สามคน คุณรู้จักผม ผมไม่รู้จักคุณ อยู่อย่างนี้นะเป็นลูกโซ่กันอยู่อย่างนี้ ผมก็ถูกจับแล้วเขาก็ปล่อย แค่นั้นเอง

ผู้สัมภาษณ์ : ที่โดนยิง หลังหรือก่อนถูกจับครับ
คุณอเล็กซ์ :
ที่วิ่งหนีที่ตรงเสนา นี่ก่อนครับ ก่อนถูกจับ ก่อนหกตุลา เพราะว่าผมมีชื่ออยู่ทางโน้นแล้วนะครับ

ผู้สัมภาษณ์ : ก่อนหน้าที่พี่รู้จักกับจัดตั้งหรือว่าคนของพรรคอะไรนี้หรือเปล่าครับ
คุณอเล็กซ์ :
ไม่รู้จัก แต่เขาเอ่ยชื่อผม ผมฟังวิทยุคลื่นสั้นทุกวันว่าควรจะทำอย่างไร ควรจะต่อสู้อย่างไร แล้วเอ่ยชื่อผมว่าเป็นบุคคลตัวอย่างชื่อชายเล็ก และก็ได้ต่อสู้ เขาก็วิจารย์ผมทุกวันว่าคำพูดไม่ดีอย่างนี้นะ แทบทุกวันนะ

ผู้สัมภาษณ์ : แล้วไปรู้จักวิทยุนี้ได้อย่างไรครับ
คุณอเล็กซ์ :
ก็เหมือนอย่างนี้นะ คุณรู้จักผม ผมรู้จักคุณ คือเพื่อนแนะนำให้ฟังวิทยุ เอฟเอ็ม เอฟดับบลิว อะไรนี่นะครับสมัยก่อนมันจะมีไง

ผู้สัมภาษณ์ : เพื่อนที่ไหนครับ
คุณอเล็กซ์ :
เพื่อนจากวงกรรมาชน โคมฉาย อย่างนี้นะครับเขานำให้ฟังตอนทุ่มหนึ่งหรือสองทุ่ม คือเขาจะมีเวลาครึ่งชั่วโมง เพื่อพูดถึงเรื่องบ้านเมือง

ผู้สัมภาษณ์ : แล้วพวกเพื่อนคนอื่น อย่าง ชาติ กอบจิตติ หรือว่าอาจารย์โชคชัย ฟังด้วยหรือเปล่าครับ
คุณอเล็กซ์ :
เขาจะทำกิจกรรมด้านอื่นๆ แต่ผม ตอนหลังผมมาหนักทางศูนย์นิสิตนักศึกษา มาประท้วงอย่างนี้ครับ ผมชอบแล้วตอนนั้นเริ่มมันแล้ว ทำกิจกรรมกับศูนย์นิสิตฯ แล้วตอนหลัง หลังจากออกจากครูแล้วก็มาเล่นตลก ตอนนี้ก็กลายเป็นหมอดูไปแล้ว หมอดูไพ่ยิบซี เพราะว่าผมกับขุนทองสนิทกันสมัยเรียนเพาะช่าง รุ่นเดียวกัน ตอนนี้ก็มาหากินเป็นหมอดูจากเล่นตลก นี่มันไม่ใช่ประชาธิปไตยมันไม่ใช่นะ

ผู้สัมภาษณ์ : พี่มองสถานการณ์ประเทศไทยปัจจุบันเป็นอย่างไรบ้างครับ
คุณอเล็กซ์ :
เลวมาก ไม่มีอิสระ ไม่มีออกความคิดเห็นที่ดีได้ ที่สร้างสรรค์ แล้วคนไทยตามประวัติศาสตร์แล้วก็คืออิจฉา ริษยาซึ่งกันและกัน ใครโตไม่ได้ ทหารต้องเป็นใหญ่ตั้งแต่สมัยไหนแล้ว มันไม่ใช่ ประเทศไทยรู้คำว่าประชาธิปไตยช้าไป แต่ระบบพระมหากษัตริย์เขานานมาแล้ว ฝังตั้งแต่ไหนแต่ไร ก็เลยว่าตอนนี้ต่อสู้แตกต่างจากสมัยก่อน เอามวลชนมาชนกัน ผมว่าไม่ถูก สับจนละเอียดไม่ต้องใส่เสื้อสีอะไรแล้ว ผมก็ยังงง ผมมีเสื่อสีเหลืองอยู่เจ็ดตัว ผมใส่ไม่ได้แล้ว เสื่อสีแดงผมก็ใส่ไม่ได้ แล้วผมจะทำไง ก็ต้องใส่เสื้อสีขาว ต้องใส่ลายสก๊อต คราวนี้คนไทยไม่น่าจะฆ่ากันเอง จริงๆแล้วคนไทยเป็นคนใจดีนะ แต่สถานการณ์บ้านเมืองมันก็นะ คนไหนใหญ่ คนไทยเป็นอย่างไร ผมรักหมดนะ พระเจ้าอยู่หัวก็รัก แต่ทีนี้ทำไมต้องมาสับหั่น มันเหมือนกับเอาประเทศมาเล่นกัน ปิดประเทศปลูกผักกินก็ยังอยู่ได้ ประเทศไทยเล่นหวยหรือเปล่า เล่นมากี่ปีแล้ว

ผู้สัมภาษณ์ : เล่นครับ เล่นมาหลายปีแล้ว
คุณอเล็กซ์ :
เขาเล่นตั้งแต่สมัยสกาแล้ว

ผู้สัมภาษณ์ : ขอย้อนถามเหตุการณ์หกตุลานิดหนึ่งนะครับ หลังจากเกิดเหตุการณ์ตอนนั้นพี่ได้จับกลุ่มคุยกับเพื่อนบ้างหรือเปล่าครับ ว่าทำไมถึงเกิดอย่างนี้ แล้วเป็นอย่างไรบ้างครับ ใครอยู่เบื้องหลัง
คุณอเล็กซ์ :
หกตุลา ก็คงเป็นทหารนะครับ ทหารทั้งนั้นนะ ไม่มีพลเรือนที่จะทำได้ มันไม่ใครที่มีปืน ทีนี้ประชาชน ประชาธิปไตยคืออะไร ก็คือวางรากฐานเลยสระบุรีก็ไม่รู้คำว่าประชาธิปไตย มันเรียนไม่ถ่องแท้ จริงไหม การศึกษาของเราด้อย เราต้องเรียนมีการศึกษาที่ถ่องแท้ให้รู้ว่าอะไรผิดอะไรถูก ถ้ารู้ทางใต้จะไม่เกิด ถูกหรือเปล่าครับ คนติดหัวโขนแล้วมันชอบข่มเหง ผมไม่ชอบเลยผมพูดตรงๆเลย

ผู้สัมภาษณ์ : หมายถึงพี่คิดว่าปัญหาทางใต้เป็นเพราะเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปควบคุมหรือครับ
คุณอเล็กซ์ :
แน่นอนคือไม่เสมอภาค พุทธก็คือพุทธ อิสลามก็คืออิสลามอยู่ด้วยกันได้นี่ กินข้าวโต๊ะร่วมกันได้ แต่นี่ก็คือ หนึ่งยาเสพย์ติด สองอำนาจ สามอิทธิพล สี่ที่ดิน หลากหลายครับมันมีปัญหาหลากหลาย จริงๆก็ปกครองกันได้ สมัยก่อนก็อยู่กันได้ อีกอย่างหนึ่งก็คือเงินหมด อาวุธหมด งบประมาณหมด ก็เอายืมกันหน่อย ให้คนตายสิบคนเพื่อได้เงินสองร้อยล้าน ให้มีระเบิด ถูกไหม ทหารเณรก็ไม่รู้เรื่องนะ ตายวันละสองคน งบประมาณก็ทุ่มมา รถถังดี รถถังชั่ว แบบพันลภบอกนะ ทหารมันอยู่ในป่าไม่ได้อยู่ในถนน ใช่ เราไม่พูดดีกว่า เรามาพูดว่าการปกครองของประเทศไทย กษัตริย์ก็คือกษัตริย์ ทหารก็ต้องอยู่ในระบบทหาร ให้ประชาชนเขาปกครองกันเอง ผมบอกตรงๆเลยนะ ผมสาบานเลยว่าชาติหน้าขอเกิดที่อเมริการดีกว่า

ผู้สัมภาษณ์ : พี่ไปอเมริกาตั้งแต่ปีไหนครับ
คุณอเล็กซ์ :
ไปๆมาๆครับเพราะว่ามีญาติอยู่ที่นั่น พอตอนหลังผมเจอพ่อแม่จริง ก็คือแม่ที่เลี้ยงมาเขาบอกว่า คนนี้นะเป็นคนเพชรบุรีนะ เจอตอนเพาะช่างตอนปี 4 นะ ก่อนไปอเมริกา

ผู้สัมภาษณ์ : คือรู้แล้วก็ไปเจอหรือครับ
คุณอเล็กซ์ :
ไม่ครับ เขาบอกให้เราไปหา แต่เราก็พอรู้แล้วว่า เราทำไมโดนกลั่นแกล้งนานขนาดนี้ แล้วพ่อเราไปไหน แล้วก็เจอพ่อแม่จริง ก็เสียไป บางคนก็อยู่อเมริกาอยู่สุขุมวิท อะไรอย่างนี้นะ

ผู้สัมภาษณ์ : หมายถึงญาติหรือครับ
คุณอเล็กซ์ :
ญาติพี่น้องผม อยู่อเมริกา แต่ด้วยผมเป็นคนแรง ถือฐิตินะ หมายังเลี้ยงลูกได้เลยแล้วทำไมคนไม่เลี้ยงนะ ผมคิดนะ ถ้าเผื่อคุณโยนในถังขยะแล้ว จับฉลากว่าใครเจอยังดีกว่า แต่นี้แม่ก็แม่ หลังจากนั้นผมก็ไม่ได้ติดต่อกับพี่น้องนะ พอไปอเมริกาแล้วเขาก็ไม่ได้สนิทเรา ก็กลายเป็นบินกลับประเทศไทยดีกว่า ตอนหลังก็ไปๆมาๆ แต่ตอนนี้ไม่ได้ไปแล้วครับ เหตุการณ์ก็คือมันไม่ได้สนิทแล้ว หลากหลายคน หลายปัญหา ตอนนี้ก็ได้แต่ถือศีลอย่างเดียว สวดมนต์ สมาธิ เอาด้านนี้แล้ว เพราะว่าอายุมากแล้ว

ผู้สัมภาษณ์ : คือที่ไปนี่ไปอยู่บ้านญาติหรือครับ
คุณอเล็กซ์ :
พี่สาวครับ เป็นพี่แท้ๆ

ผู้สัมภาษณ์ : ตอนนั้นพี่ทำอะไรครับ
คุณอเล็กซ์ :
ปลูกพริก แตงกวา แตงไทย อะไรอย่างนี้ ขายร้านอาหารแมกซิกัน ปลูกพริกนี้รวยนะคุณ ก็พี่สาวเขามีที่เยอะ ส่งมิสซิซิบปี้ ส่งนิวยอร์ก ส่งโอไฮโอ

ผู้สัมภาษณ์ : ปลูกก่อนพี่ไปอยู่แล้วหรือครับ
คุณอเล็กซ์ :
ครับ ปลูกพริกนี่ไม่ใช่เล่นๆนะ คนแมกซิกันเขาจะกินของเผ็ด ฟาร์มพริกนี่แหละครับ แต่บรรยากาศมันไม่เอื้ออำนวยเพราะเราไม่ได้อยู่กับเขามาตั้งแต่เล็ก เรามันก็นิสัย เราก็เลยตัดพี่น้องบินกลับ ตอนนี้เพิ่งกลับมาได้ 3 ปีแล้ว ตัดพี่น้องและก็เล่นตลกก็ไม่เล่น โชเล่

ผู้สัมภาษณ์ : พี่เคยอยู่กับโชเล่หรือครับ
คุณอเล็กซ์ :
โชเล่มันเป็นรุ่นน้องครับ โชเล่อะไรพวกนี้ดึงมา กับพี่ดู๋ โชเล่ใครคบก็คบนะ แต่ผมนี่ไม่คบ

ผู้สัมภาษณ์ : ขนาดนั้นเลยหรือครับ
คุณอเล็กซ์ :
อ้าว ก็มันสร้างภาพที่อนุสาวรีย์ ตรงอนุสาวรีย์ แต่ผมไม่มาวันนั้นผมสุขภาพไม่ดี โชเล่เขาก็มา อยู่ๆมาเอาผมได้ไง สองปีเขาไม่มีรถก็กลับรถผม แต่ผมขอกลับด้วยก็ไม่ให้กลับ หม่ำ จ๊กม๊กยังบอกคบไม่ได้ ใครคบด้วยผมไม่คบ ปัญญา นิรันกุลก็อีกคนเขาเน้นความซื่อสัตย์ แต่โชเล่ ผมเปิดเผยนะ เขาไม่ซื่อสัตย์ต่อทุกคน แต่ทีนี้ปัญหาบ้านเมืองตอนนี้มันสับหมดแล้ว มันเละหมดแล้ว มันตามพระพุทธทำนายหมดแล้ว

ผู้สัมภาษณ์ : ที่ว่าจะเสื่อมลง หรือครับ
คุณอเล็กซ์ :
ทุกอย่างสูญไม่มีเสื่อม ทุกอย่างไม่คงที่ ถูกไหมครับ โรคภัยไข้เจ็บก็เข้ามาเรื่อยๆ ต่างสายพันธ์ตามพระพุทธทำนาย อะเซหวุ่นกี้บอกอย่างไรก็อย่างนั้น คนที่มีปืนเท่านั้นที่อยู่ได้ เป็นคนที่ปกครองประเทศ สำหรับประเทศไทยนะ เพราะคนไทยมันเก่งไม่ได้ อิจฉาริษยา ความขัดแย้งช่วงนี้มันไม่ดี ทั้งหมู่บ้านผมแตกกันหมดเลย เดินนี่แทบไม่มองกันเลย เสื้อเหลืองเสื้อแดงนี่ชัด ชัดมากและก็ทะเลาะกันนะ ตีกัน ประเทศไทยมันเปิดเผยอะไรหลายอย่างที่ผมพูดไม่ได้ แล้วการปกครองอะไรก็เสรี ก็สองระบบก็รู้กันอยู่ สองมาตรฐาน แต่นี้ตามที่เขาพูดนะ แต่ถามว่าเมืองไทยเจริญได้เพราะว่า มันต้องมีคนที่เก่งอย่างจอมพลสฤษดิ์นะ ผมยังชอบเขาเลยนะ

ผู้สัมภาษณ์ : ทำไมพี่ถึงชอบจอมพลสฤษดิ์ครับ
คุณอเล็กซ์ :
คำไหนคำนั้น ไฟไหม้ตรงไหนยิงตรงนั้น บ้านเมืองสงบ รักสามัคคี ถ้าเผื่อเป็นเผด็จการอย่างนั้นผมไม่ชอบ คือคนไทยมันให้สิทธิ เสรีภาพมากไม่ได้ ตั้งแต่ไหนแต่ไร

ผู้สัมภาษณ์ : ตอน รสช. พี่อยู่ที่อเมริกาหรืออยู่เมืองไทยครับ
คุณอเล็กซ์ :
อยู่เมืองไทย เจอกับเสื้อฟิต แก่หน่อย ชื่ออะไรแล้วนะ คนนั้นดีนะ ที่ตายไปแล้วเป็นทหารตัวเล็กๆ นะครับ รุ่นสุจินดา

ผู้สัมภาษณ์ : สุนทร วงศ์สกุล หรือครับ
คุณอเล็กซ์ :
ใช่ คนนี้ก็คำไหนคำนั้น แต่พวกนี้ ทหารมีวันแตกนะ มีวันหักหลังกันเอง ตั้งแต่สมัยฉลาดนะครับ ถูกยิง มันไม่มีอะไรแน่นอน

ผู้สัมภาษณ์ : แล้วตอนนั้นพี่ได้เข้าร่วมอะไรหรือเปล่าครับ
คุณอเล็กซ์ :
ไม่ครับ ตอนนั้นเรากลัวไปหมดเลย เรากลัวทหาร

ผู้สัมภาษณ์ : ตอนนั้นพี่ยังเป็นตลกอยู่หรือเปล่าครับ
คุณอเล็กซ์ :
เป็นครับ เป็นตลกอยู่ แต่ตอนนี้มันเละเทะแล้วบ้านเมือง มันไม่น่าให้มาสับกันแดง เหลือง เขียว ชมพู ฟ้า อะไรอย่างนี้ คือมันกลายเป็นหวาดระแวงกันหมดเลย มันควรจะนิ่งๆ

ผู้สัมภาษณ์ : พี่คิดว่าต่อไปควรจะเป็นอย่างไร ควรจะทำอย่างไรต่อครับ
คุณอเล็กซ์ :
ยาก ไม่รู้ผมเดาเหตุการณ์สิบปัญหาไม่ได้ เราพูดไม่ได้

ผู้สัมภาษณ์ : ทำไมตอนนั้นพี่ถึงไม่เอาด้านวาดภาพต่อ ทำไมถึงเปลี่ยนด้านครับ
คุณอเล็กซ์ :
ผมชอบบันเทิง ชอบเพลง ได้นะครับ คือบางทีมันลืม คุณไปเรียบเรียงเอาเองนะ

จบการสัมภาษณ์