บทสัมภาษณ์ - บุญสม
เล้าสุวรรณ วันที่ 7 ตุลาคม 2551 เวลา 12.45 สถานที่ มูลนิธิ 14 ตุลา ตามโครงการของมูลนิธิ 14 ตุลา ในการรวบรวมปากคำของคนที่อยู่ในเหตุการณ์ เพื่อจัดทำเป็นฐานข้อมูลเพื่อการศึกษาต่อไป ผู้สัมภาษณ์: ตอนนี้พี่บุญสมทำอะไรอยู่ครับ คุณบุญสม : ไม่ได้ทำ ตอนนี้ผมป่วยเป็นมะเร็ง ผู้สัมภาษณ์ : บริเวณไหนครับ คุณบุญสม : ลำไส้ใหญ่ ตอนนี้รักษาตัวอยู่ที่สถาบันมะเร็งแห่งชาติ โดยฉีดคีโม ทุกเดือน ผู้สัมภาษณ์ : เป็นมานานหรือยังครับ คุณบุญสม : เป็นมาตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ ตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ ผ่าเอาลำไส้ออกไปแล้วตอนนี้มันลาม ผมเป็นระยะที่สามแล้ว หมอบอกมันลามไปไตแล้ว หมอบอกต้องไปเลเซอร์พรุ่งนี้ 2 วันนั้นผมโทรมาทีหนึ่งไม่รู้ใครรับบอกว่าเป็นเลขา ก็โดนวันที่ 14 15 ตุลา เขาบอกว่าเขาโดนยิงเขาบอกว่าวันนั้นทำไมพี่ไม่มาที่บ้านมนังคสิลาสมัยรัฐบาลทักษิณให้คนละสองล้าน เขาบอกว่าเขาได้รับสองล้าน ผมก็คนทำมาหากินเลยไม่ค่อยได้สนใจ แต่เคยมาที่นี่ครั้งหนึ่งมีผู้ชายสองคนผู้หญิงคนหนึ่งผู้ชายเขาได้รับบาดเจ็บเขาให้มาทำงาน ส่วนผู้หญิงลูกเขาโดนยิงตาย เขาก็ทำประวัติผมไว้วันนั้นผมโทรมาเห็นว่าคนที่ได้รับสองล้านเขาออกไปหมดแล้ว ผมบอกประวัติผมก็ยังอยู่ที่นี่ ผู้สัมภาษณ์ : แล้วก่อนหน้านั้นพี่บุญสมทำอะไรก่อนไปบวช คุณบุญสม : ก็ผมจบนิติศาสตร์ก็เป็นผู้ช่วยแต่ยังไม่ได้ใบทนายความ จบที่ ผู้สัมภาษณ์ : ที่ธรรมศาสตร์เหรอครับ คุณบุญสม : ไม่พบจบที่ราม ตั้งแต่อายุ 25 ผู้สัมภาษณ์ : ตอนปี 16 พี่อยู่ที่ไหน คุณบุญสม : ที่อยู่ตอนนั้น 429/10 ซอยอ่อนนุช 1 พระขโนง ผู้สัมภาษณ์ : ตอนนั้นอายุ 25 ปีแล้ว คุณบุญสม : ผมเกิด พ.ศ. 2491 ผู้สัมภาษณ์ : ตอนนั้นพี่ทำงานอะไรอยู่ครับ คุณบุญสม : รับจ้างทั่วไป ผู้สัมภาษณ์ : พี่เข้าร่วมการชุมนุมตั้งแต่เริ่มต้นเลยหรือเปล่า ตั้งแต่ที่ธรรมศาสตร์เลยหรือเปล่า คุณบุญสม : ครับผมรู้สึกว่าผมเข้าร่วมตั้งแต่วันที่ 14 ผมก็ยึดรถเมล์ ใครก็ไม่รู้เป็นหัวหน้า บอกว่าไปไปไปเอารถเมล์ไปรับคนแถบชานเมืองมาอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ผมก็ขับรถเมลกันทั้งคืน ผลัดกันขับ เติมน้ำมันก็เติมฟรี มันสนุกอ่ะเรียกง่าย ๆ กินข้าวทีชาวบ้านก็เรียกมาน้อง ๆ มายกให้หนึ่งเป็นเข่งเลย สนุกกันทั้งคืน ใครที่ขึ้นมาบนรถเมลผมก็พาไปส่งที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ผู้สัมภาษณ์ : เป็นช่วงไหนของวันที่ 14 ครับ คุณบุญสม : ช่วงเย็น ๆ ตอนกลางคืน ผู้สัมภาษณ์ : ช่วง 14 ต่อ 15 อันนี้คือรู้ว่ามีการปราบปรามนักศึกษา มีความรุนแรงที่สนามหลวงที่ราชดำเนินแล้ว คุณบุญสม : ก็รู้แล้วว่าเหตุการณ์ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล มีการยิงปืน และมีความวุ่นวาย แถวราชดำเนินนี่ไฟลุก รถเมล์ถูกเผาทั้งคัน ผู้สัมภาษณ์ : แล้วตอนนั้นอยู่ไหน ก่อนที่จะได้ยินข่าว คุณบุญสม : มาจากบ้านในวันที่ 14 ตอนเย็นๆ แล้วมาที่ถนนราชดำเนิน แล้วมีคนบอกว่าเอารถไปรับคน แล้วก็นึกสนุกก็เลยไปช่วยเขา ผู้สัมภาษณ์ : หมายถึงก่อนหน้า วันที่ 14 ไม่ได้ร่วมชุมนุมที่ มธ. คุณบุญสม : ผมออกมาวันที่ 14 เลย คือคิดว่าอยากจะมาดูเหตุการณ์ ว่ามันเป็นอย่างไร ไม่ได้คิดว่าจะมาร่วม ผู้สัมภาษณ์ : ตอนนั้นขับรถเมล์จากไหนไปรับคนจากไหนบ้าง แล้วเอารถมาจากไหนครับ คุณบุญสม : ตอนนั้นขับไปทั่วกรุงเทพฯ ขับทั้งคืนเลย ขับไปทั่วแล้วเอามาส่งที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ผู้สัมภาษณ์ : แล้วรถเมล์เอามาจากไหน หรือมันจอดอยู่เฉยๆ คุณบุญสม : ตอนนั้นก็ขอเขาเฉยๆ คนขับก็ยอมลงแต่โดยดี น้ำมันก็เติมฟรี เขากลัวว่าพวกผมจะไปพังปั๊มเขา เลยให้เติม ยังถามพวกผมเลยว่าจะไปสู้เขาได้เหรอ เขามีปืนนะผมบอกผมก็ไม่รู้ ผมก็ขับไปเรื่อยแหละ ตอนนั้นมาได้ยินในธรรมศาสตร์ เขาบอกว่าให้ผมไปเอารถเมล์มาแล้วไปเอาคนมาแถวๆ รอบชานเมืองมาที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ผมก็ไปเลย ไปหัวหมากบ้าง ไปมีนบุรีบ้าง ฝั่งธนฯ บ้าง ขับกันทั้งคืนใครขับเป็นก็เปลี่ยนขึ้นไปขับ ข้าวก็กินฟรี ผ่านร้านค้า เขาก็ยกมาให้เป็นเข่ง คือไม่ได้คิดอะไร มันสนุก ก็ขับกันทั้งคืนเลย ผู้สัมภาษณ์ : แล้วขับไปเจอทหารบ้างไหมครับ คุณบุญสม : ก็เจอที่บางหว้านี่แหละ ไปแถวบางแค รู้สึกจะเป็นสะพานบางหว้า ตอนนั้นคิวผมขับพอดี พุ่งเข้าชนเลย รถยีเอ็มซี ผมก็สลบคาพวกมาลัยรถ ไม่รู้เรื่องเลย ก็มีคนพามาที่รพ.ศิริราช ผู้สัมภาษณ์ : พี่สลบช่วงวันที่ 14 คุณบุญสม : ไม่ใช่ครับ วันที่ 15 ช่วงบ่ายสาม บ่ายสี่ ผู้สัมภาษณ์ : หมายถึง พี่ขับมาตั้งแต่ 14-15 เลย คุณบุญสม : ผมก็ขับอยู่บนรถนี่แหละ ขับตั้งแต่ 14 เลย ไม่ได้หลับไม่ได้นอน ผมก็นั่งอยู่ บางคนที่มาขับผลัดกับผม ยังไม่รู้จักกันเลย ผู้สัมภาษณ์ : ส่วนใหญ่ที่อยู่บนรถเป็นเพื่อนๆ กันหรือเปล่าครับ คุณบุญสม : ไม่รู้จักเลย ขับไปเจอใคร อยากขึ้นก็ขึ้น ใครอยากขับก็ได้ ก็ไปรับคนแล้วเพิ่งมาคุยมารู้จักกันในรถ ผู้สัมภาษณ์ : พี่สลบไปนานไหมครับ คุณบุญสม : เกือบคืน รู้ตัวก็วันที่ 16 แล้ว ผู้สัมภาษณ์ : ตอนออกจากบ้านมาคนเดียวเลยใช่ไหมครับ แล้วช่วงนั้น ช่วงเช้าวันที่ 15 แถบชานเมือง นอกจากราชดำเนินมีทหารอยู่บ้างไหมครับ คุณบุญสม : ผมไม่เห็นนะ เห็นแถวบางแค ถ้าเจอที่อื่นผมคงเรียบร้อยไปแล้ว ผมก็ขับไปเรื่อยๆ แถวมีนบุรี แถวรอบๆ ชานเมือง ผู้สัมภาษณ์ : ตอนนั้นเขายิงตรงไหนครับ คุณบุญสม : เขาไม่ได้ยิงครับ เขาชนเลย ผู้สัมภาษณ์ : เป็นรถแบบไหนครับ คุณบุญสม : เป็นรถทหาร ผู้สัมภาษณ์ : รถทหารยีเอ็มซี คุณบุญสม : ครับ ผู้สัมภาษณ์ : ชนด้านหน้าเลยหรือครับ คุณบุญสม : ด้านหน้าเลย ประสานงานเลยครับ ผู้สัมภาษณ์ : พี่คิดว่าเขาจงใจ หรือเป็นอุบัติเหตุครับ คุณบุญสม : เขาจงใจชน เพราะผมขับในเลนส์ของผม แล้วเขาก็จี้เข้ามาในเลนส์ของเรา ตอนนั้นขับมุ่งหน้าไปทางบางแค รู้สึกะจะช่วงเอกพันธ์-บางหว้า ผู้สัมภาษณ์ : แต่ตอนที่ขับเข้าราชดำเนินไม่มีอันตรายอะไรใช่ไหม คุณบุญสม : ไม่มี โดนที่บางแคที่เดียว ผู้สัมภาษณ์ : แล้วบรรยากาศช่วงกลางคืน 14 ตุลาเป็นอย่างไรบ้างครับ คุณบุญสม : บางที่ไปก็เงียบ ไม่มีคน รู้สึกว่าประชาชนก็กลัว อย่าพวกปั๊มก็ปิด บ้านช่องก็ปิด มันเงียบเหงา มันเกิดเหตุการณ์น่ะ อย่างไอ้ร้านปืน แถวพาหุรัด ยิ่งปิดไวเลย กลัวไปเอาปืนมาสู้กับพวกรัฐบาล ผู้สัมภาษณ์ : คนเยอะหรือเปล่าในช่วงกลางคืนที่ขับไป คุณบุญสม : ก็มีไม่มากครับ บางคนก็ขึ้นบางคนก็ไม่ขึ้น ผู้สัมภาษณ์ : พอจะประมาณได้ไหมครับ ว่ารับไปกี่คน คุณบุญสม : กลางคืนจะน้อย แต่กลางวันแน่นเลย ก็ขับไปเรื่อย ได้คนซักพักก็ตีเข้ามาอนุสาวรีย์ฯ เลย ผู้สัมภาษณ์ : ตอนนั้นมีอภิปราย ที่อนุสาวรีย์ฯ ด้วยใช่ไหม คุณบุญสม : มีครับ ผู้สัมภาษณ์ : เป็นใครอภิปรายครับ คุณบุญสม : ตอนนั้นผมไม่รู้ ผมไม่ได้สนใจ ตอนนั้นน่าจะเป็นพวกนักศึกษา พอมาถึงอนุสาวรีย์ฯ ผมก็ขับออกไปเลย เพราะไอ้แถวมธ.เขาบอกไง ว่าไปยึดรถเมล์ให้ไปรับคนแถวๆ ชานเมือง ผู้สัมภาษณ์ : หมายถึงพี่มาจากบ้านแล้วเข้ามธ.เลย ก็ได้เจอกันคนๆ นั้นบอกให้ไปเอารถเมล์ไปรับคนมาฟังอภิปราย พี่เลยเอารถเมล์ออกไปเลย ? คุณบุญสม : ครับ ผู้สัมภาษณ์ : ตอนนั้นมธ. คนยังเยอะไหมครับ คุณบุญสม : เยอะครับ เป็นจุดศูนย์รวมเลย ผู้สัมภาษณ์ : ช่วงที่ไปถึงมธ.ช่วงกี่โมง คุณบุญสม : ประมาณ 4-5 โมง ผู้สัมภาษณ์ : ตอนนั้นคนยังเยอะ คุณบุญสม : เยอะครับเพราะเป็นศูนย์ใหญ่เลย ใครมาก็ต้องมาที่มธ. ก่อน ผู้สัมภาษณ์ : รักษาตัวมานานหรือยังครับ คุณบุญสม : 5 เดือนแล้วครับ ตอนนนี้รักษาอยู่ที่สถาบันมะเร็งแห่งชาติครับ ช่วงหลังทำงานไม่ได้ เพราะฉีดแล้วไม่มีแรง นี่ผมเอาเอกสารที่ไดรับเงินจากศูนย์นิสิตฯ ที่ได้รับเงิน 800 บาท ผู้สัมภาษณ์ : หลังจากจบเหตุการณ์ แล้วเป็นอย่างไรบ้างครับ กลับไปทำงานเดิม ชีวิตเปลียนไปหรือเปล่า คุณบุญสม : ก็ธรรมดาครับ ก็ไปทำงาน แล้วมาเจอ ตุลา 19 ผู้สัมภาษณ์ : ช่วงมีงานศพปี 17 พี่ได้ไปหรือเปล่าครับ คุณบุญสม : ไม่ได้ไปร่วมเลย ผู้สัมภาษณ์ : แต่ได้ยินข่าวใช่ไหมครับ ว่าจะมีการพระราชทานเพลิงศพ คุณบุญสม : ก็ได้ยินข่าว แต่ไม่ได้ไป ผู้สัมภาษณ์ : ช่วงนั้นรถทหารยังเยอะไหมครับ หมายถึงทหารตามที่อื่นๆ คุณบุญสม : ผมก็มาแถวราชดำเนิน ก็มีรถยีเอ็มซี ตรึงกำลังอยู่ แต่ไม่ได้ยิง มีแถวประชาสัมพันธ์เก่า ตั้งเป็นบังเกอร์ แล้วก็ยังมีแถวกองบัญชาการตร.นครบาล ที่ยิงจากบนตึกลงมา แต่ตอนนี้รื้อไปแล้ว แถวราชดำเนินที่ผมขับผ่านรถเมล์ก็ถูกเผาสองสามคัน แต่แถวอนุสาวรีย์ฯ แถวรอบๆ ประชาธิปไตยนั้นแหละมีคนมาฟังเยอะ ผู้สัมภาษณ์ : รู้สึกกลัวบางไหมครับตอนเห็นทหาร คุณบุญสม : ไม่กลัว ครับ รู้สึกสนุกมากกว่า กินก็มีกิน ขับรถไปเรื่อยๆ เอาข้าวเอาผลไม้เป็นเข่งมาให้เรากิน กินกันบนรถ เฮฮา แต่เหล้าไมมีกินนะ ผู้สัมภาษณ์ : ที่บอกว่ามีอภิปรายที่อนุสาวรีย์ฯ มีตลอดทั้งคืนหรือเปล่า คุณบุญสม : มีทั้งคืนเลย คนเยอะเลย มีรถเมล์หลายคันเอาคนมาลงเลย ผู้สัมภาษณ์ : หลังจากเหตุการณ์ รู้สึกว่าสังคมไทยเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง คุณบุญสม : ผมก็ไม่คนได้สนใจนะ ผมก็ต้องทำงาน เหตุการณ์จบก็จบไป เห็นสัญญา ธรรมศักดิ์ เป็นนายกฯ ก็นึกว่าจะดีแล้ว เราก็ต้องหากิน เขาไม่ได้บอกว่าจะมีการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ นี่ไปนี่ได้มาแปดร้อยนี่ ผู้สัมภาษณ์ : คือ 800 นี่ คุณบุญสม : ตอนแรกเราก็ไม่รู้นะว่ามีการช่วย เขาบอกว่าเจ็บในช่วง 14-15 นะ ไปหาศูนย์นิสิตฯเลย ผู้สัมภาษณ์ : พูดได้ว่าเป็นความช่วยเหลือเดียวที่ได้รับ คุณบุญสม : ใช่ครับ ถ้าไม่ไปฉีดยาตามหมอนัดก็ไม่รู้ว่ามีการช่วยเหลือ ผู้สัมภาษณ์ : ตอนนั้นพี่ทำงานอยู่แถวพระขโนงหรือครับ คุณบุญสม : ครับ ต่อจากนี้เป็นต้นไปกลายเป็นการบอกเล่าโรคของผู้ให้สัมภาษณ์ ซึ่งถือเป็นเรื่องส่วนตัว จึงไม่ทำการถอดบันทึกการสัมภาษณ์ |